แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายมีพยานบุคคล ที่รู้เห็นมาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลายมือชื่อของโจทก์ในเอกสารหนังสือมอบอำนาจและสัญญาซื้อขาย และมีเอกสารอื่นที่เป็นลายมือชื่อ ที่แท้จริงของโจทก์เข้ามาสู่การพิจารณา พอที่จะให้เห็นได้แล้วว่าข้อเท็จจริงควรจะฟังไปทางใด การที่จะส่งเอกสารดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวก็คงได้แต่ความเห็นของผู้ตรวจพิสูจน์ เท่านั้นเมื่อพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบมาสามารถวินิจฉัย ได้แล้วจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งเอกสารดังกล่าวนั้นไป ตรวจพิสูจน์อีก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า สัญญาซื้อขายที่ดินมี น.ส.3ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ เพราะจำเลยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจและสัญญาซื้อขาย และเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงโอนที่ดินชำระหนี้เงินกู้แก่จำเลยโดยทำหนังสือมอบอำนาจในการจดทะเบียนขายที่ดินให้แก่จำเลยจำเลยจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินโดยชอบ จึงไม่เป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่าสมควรส่งเอกสารหมาย จ.2 และ ล.1 ไปตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจและผู้ขายนั้นเป็นลายมือชื่อของโจทก์หรือไม่ ในข้อนี้ได้ความตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยว่าทั้งสองฝ่ายมีพยานบุคคลที่รู้เห็นมาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องลายมือชื่อของโจทก์ในเอกสารทั้งสองฉบับแล้ว และมีเอกสารอื่นที่เป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของโจทก์เข้ามาสู่การพิจารณา พอที่จะให้เห็นได้แล้วว่าข้อเท็จจริงควรจะฟังไปทางใด ในการที่จะส่งเอกสารดังกล่าวไปเพื่อตรวจพิสูจน์นั้นก็คงได้แต่ความเห็นของผู้ตรวจพิสูจน์เท่านั้นว่าจะเป็นไปในทางใด ในเมื่อพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบมาสามารถวินิจฉัยได้แล้วเช่นนี้กรณีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความเห็นดังกล่าวอีก ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นต้องกันว่าไม่จำเป็นแก่คดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นแล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์ได้ตกลงขายที่ดินให้จำเลยและมอบอำนาจให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินมาเป็นของจำเลย การซื้อขายเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน.