คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินแก่ผู้ซื้อคน 1 แล้วกลับไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้ซื้ออีกคนหนึ่งอีก ผู้ซื้อทั้ง 2 ต่างเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าของคนละสำนวน ขอให้ศาลบังคับให้เจ้าของผู้เป็นจำเลยโอนที่ดินรายเดียวกันนั้นให้แก่ตนตามสัญญา ศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาคดี 2 สำนวนด้วยกัน สืบพยานรวมกันมาเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วพิพากษาให้เจ้าของโอนที่ให้แก่ผู้ซื้อคนหลังและยกฟ้องผู้ซื้อคนแรกนั้นเสียผู้ซื้อคนแรกอุทธรณ์ฝ่ายเดียว ศาลอุทธณ์ก็ได้พิพากษากลับให้จำเลยโอนที่ดินแก่ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ก็เท่ากับได้วินิจฉัยชี้ขาด กรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อคนหลังผู้ซื้อคนแรก และผู้ขาย โดยรวมกันไปเสร็จสิ้นแล้วคงอยู่แต่ชั้นบังคับคดีซึ่งต้องให้เป็นผลไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีในชั้นนี้เป็นเรื่องชั้นบังคับคดีมูลกรณีเดิมนายเล่าเย่าอ้นจำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพร้อมด้วยเรือนหรือห้องแถวให้แก่นายเลื่องซังโจทก์ แล้วกลับเอาไปทำสัญญาจะขายให้แก่นายจองฟองอีกนายเลื่องซังและนายจองฟองจึงเกิดแย่งที่ดินและห้องแถวรายนี้กันขึ้นจนนายจองฟองขับไล่นายเลื่องซัง ๆ ฟ้องแย้งให้ขับไล่นายจองฟองเหมือนกันศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับนายจองฟองตามฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด
นายเลื่องซัง และนายจองฟองต่างเป็นโจทก์คนละสำนวนฟ้องนายเล่าเย่าอ้นขอให้บังคับให้โอนที่พิพาททรายนี้ให้แก่คนตามสัญญา
ศาลชั้นต้นรวมคดี ๒ สำนวนนี้พิจารณาไปด้วยกัน แล้วพิพากษาให้ยกฟ้องนายเลื่องซัง และบังคับให้นายเล่าเย่าอ้นโอนที่ดินกับห้องแถวรายนี้ให้นายจองฟอง
นายเลื่องซังอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้บังคับนายเล่าเย่าอ้น จำเลยโอนที่ดินกับห้องแถวรายนี้ให้นายเลื่องซัง
ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้จัดการให้โอนที่พิพาทให้นายเลื่องซังตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นายจองฟองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ขอให้แบ่งที่พิพาทกับห้องแถวรายนี้ ให้นายเลื่องซังกับนายจองฟองคนละครึ่ง โดยอ้างว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้บังคับให้นายเล่าเย่าอ้นโดนที่พิพาทกับห้องแถวรายนี้ให้นายจองฟองแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลจังหวัด
นายจองฟองฎีกา
ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่าที่ดินกับเรือนหรือห้องแถวรายนี้ นายเลื่องซังและนายจองฟองได้เกิดพิพาทถึงฟ้องร้องกันจนศาลพิพากษาให้ขับไล่นายจองฟองออกจากที่ดินกับห้องแถวรายนี้คดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว นายจองฟองกลับมาฟ้องนายเล่าเย่าอ้นเจ้าของเดิมให้โอนทรัพย์รายเดียวกันนี้ให้ตน เป็นการที่จะยื้อแย่งเอาทรัพย์ที่ตนแพ้คดีไปจากผู้ชนะอีก และคดีทั้ง ๒ สำนวนที่นายเลื่องซังและนายจองฟองต่างฟ้องนายเล่าเย่าอ้นให้โอนทรัพย์รายเดียวกันให้แก่ตนนี้ ศาลชั้นต้นก็ได้รวมพิจารณาด้วยกัน การสืบพยานก็ได้สืบรวมกันมาเป็นเรื่องเดียวกัน
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายจองฟองเป็นฝ่ายชนะนายจองฟองร้องขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งนายเลื่องซังกำลังอุทธรณ์อยู่นายจองฟองก็ยอมมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นหรือติดใจว่ากล่าวเป็นประการอื่น ก่อนคดีถึงที่สุด ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดให้นายเลื่องซังเป็นฝ่ายชนะ ก็เท่ากับได้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีพิพาทระหว่างนายจองฟอง นายเลื่องซังและจำเลยโดยรวมกันไปเสร็จสิ้นแล้ว คงอยู่แต่ชั้นบังคับคดีซึ่งต้องให้เป็นผลไปตามนั้น ฉะนั้นการบังคับคดีจึงต้องบังคับไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จึงพิพากษายืน

Share