คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 จำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม โทษจำคุกคงเป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่ปรับ บทกฎหมายที่ลงโทษจำเลยโดยระบุวรรคให้ถูกต้องอันเป็นการแก้ไข เล็กน้อย และคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยยังมิได้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมิได้มีการกระทำโดยทุจริตนั้น การที่ จะวินิจฉัยว่าจำเลยแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ และจำเลยกระทำโดยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้อง พิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 คืนของกลางแก่เจ้าของ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 จำคุก 2 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน คืนของกลางแก่เจ้าของ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม (ที่ถูกมาตรา 335 (1),(11) วรรคสาม) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 จำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม (ที่ถูกมาตรา 335 (1),(11) วรรคสาม) ส่วนโทษจำคุกคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษจำเลยโดยระบุวรรคให้ถูกต้องอันเป็นแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์คงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยยังมิได้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมิได้มีการกระทำโดยทุจริตนั้น เห็นว่า การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจำเลยกระทำโดยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ เป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share