คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งศาลนี้ไว้ จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ไม่ได้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ยื่นคำแถลงคัดค้านการขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องไว้ ก่อนศาลสั่งอนุญาตแล้วไม่ได้ เพราะในขณะนั้นศาลยังไม่ได้มีคำสั่ง จึงจะมีการโต้แย้งคำสั่งศาล ที่ศาลยังไม่ได้สั่งไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาขายเหมาผลส้มเขียวหวานของจำเลยในสวนอยู่ที่ผาปูน (วังกิม) บ้านผาขวาง ตำบลบ่อ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดผ่าน ให้แก่โจทก์ ราคา 20,000 บาท และจำเลยรับมัดจำไปจากโจทก์ 6,000 บาท โดยตกลงกันว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งปรับเท่าตัวของราคาขายที่ตกลงกัน ต่อมาปรากฏว่าจำเลยได้ขายส้มในสวนนั้นให้กับผู้อื่นไปเสียก่อนแล้ว เป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญา ขอให้บังคับให้จำเลยคืนมัดจำ 6,000 บาท และเบี้ยปรับ ซึ่งโจทก์ขอคิดเอาเพียง 4,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันที่จำเลยผิดนัดจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้แก่โจทก์

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยทำสัญญาขายเหมาส้มในสวนในราคา 20,000 บาท ให้แก่โจทก์และได้รับเงินมัดจำ 6,000 บาท จริงแต่ส้มที่ขายนั้นเป็นส้มสวนหนองแหย่ง ตำบลบ่อ อำเภอเมืองน่านจังหวัดน่าน แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ไปเก็บผลส้มทำให้ผลส้มหล่นเสียหาย เพื่อบรรเทาความเสียหาย จำเลยจึงได้เก็บผลส้มขายไปได้เงิน 5,000 บาท จำเลยต้องเสียหายขาดผลประโยชน์ที่จะได้รับตามสัญญาเป็นเงิน 15,000 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินมัดจำคืน จำเลยมีสิทธิริบมัดจำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(2) ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าเสียหายจำนวน 15,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเงินให้จำเลย

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยได้ทำสัญญาขายส้มในสวนผาปูน (วังกิม) ให้แก่โจทก์ จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญานำส้มไปขายให้แก่ผู้อื่น จำเลยต้องคืนเงินมัดจำและเบี้ยปรับ 1,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ให้จำเลยเสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์และให้ยกฟ้องแย้ง

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระเบี้ยปรับ 4,000 บาท แก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์ และให้จำเลยชนะคดีตามฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นการไม่ชอบ นั้น คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งศาลนี้ไว้จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาปัญหานี้ไม่ได้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ยื่นคำแถลงคัดค้านการขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องไว้ก่อนศาลสั่งอนุญาตแล้วไม่ได้เพราะในขณะนั้นศาลยังไม่ได้มีคำสั่ง จึงจะมีการโต้แย้งคำสั่งศาล ที่ศาลยังไม่ได้สั่งไม่ได้ที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาซื้อขายเหมาผลส้ม ไม่ได้ระบุที่ตั้งของสวนส้ม และปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร จะรับฟังเอกสารนี้ไม่ได้นั้นการซื้อขายส้มในสวนตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยก็รับว่าได้มีการตกลงซื้อขายและรับเงินมัดจำกันไว้จริงจึงรับฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงซื้อขายส้มในสวนกันจริงโดยไม่จำต้องอาศัยสัญญาซึ่งได้ทำกันไว้นั้นมาเป็นพยานหลักฐานในคดี และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ขายส้มในสวนผาปูนให้แก่โจทก์จริงตามฟ้อง พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มีน้ำหนักควรเชื่อยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย ให้จำเลยเสียค่าทนายความชั้นฎีกา 300 บาทแทนโจทก์

Share