แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายจากทางเดินนำเข้าป่าข้างทางห่างทางเดิน 7-8 วา แล้วร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในป่านั้น เป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
มาตรา 281 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ใช่บทลงโทษ ไม่จำต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษ
ย่อยาว
จำเลยร่วมกันฉุดคร่าผู้เสียหายแล้วกระทำชำเรา โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 5 (ศาลจังหวัดไชยา) ในข้อหาฉุดคร่าเพื่อการอนาจาร แล้วมาฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดไชยาในข้อหากระทำชำเรา เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดไชยาพิพากษาจำคุก จำเลยคนละ 4 ปี และนับโทษต่อจากคดีของศาลมณฑลทหารบกที่ 5 (ศาลจังหวัดไชยา)
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลดโทษและไม่ให้นับโทษต่อ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายไปแล้วกระทำชำเราเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉุดคร่าเพื่อการอนาจารต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 5 (ศาลจังหวัดไชยา) จนศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในคดีนั้นแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในคดีนี้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่า แม้กรรมที่จำเลยกระทำการฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราจะได้กระทำต่อเนื่องกันก็ดี หรือความมุ่งหมายของจำเลยต้องการผลสุดท้ายในการชำเราผู้เสียหายก็ดี มิใช่เป็นเหตุที่จะวินิจฉัยว่าเป็นกรรมเดียวกัน ข้อสำคัญอยู่ที่ว่ากรรมที่จำเลยกระทำอันเป็นความผิดฐานใดฐานหนึ่งได้สำเร็จไปตอนหนึ่งแล้วจำเลยได้กระทำกรรมใหม่อันเป็นความผิดขึ้นอีก แม้จะติดต่อกัน สถานที่เดียวกัน ก็เป็นความผิดหลายกรรมได้ คดีนี้ จำเลยฉุดคร่าผู้เสียหายไปจากทางเดินเพื่อการอนาจาร ความผิดฐานฉุดคร่าได้สำเร็จแล้วและขาดตอนลง เมื่อนำผู้เสียหายไปถึงที่ ๆ จะกระทำชำเราจำเลยกระทำกรรมใหม่ขึ้น คือ ข่มขืนกระทำชำเราเป็นอีกกรรมหนึ่งต่างจากกรรมฉุดคร่าจึงเป็นความผิดหลายกรรม ศาลจะลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมก็ได้ แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยต่อศาลทหารในความผิดฐานฉุดคร่าแล้ว ก็ยังมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราต่อศาลพลเรือนได้อีก
ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 ด้วยนั้น มาตรานี้ไม่ใช่บทลงโทษ ไม่จำต้องยกขึ้นปรับบทลงโทษจำเลย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลทหารใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยตลอดจนถึงผลเสียหายอันเป็นความผิดในคดีนี้ด้วยแล้ว จึงไม่นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากคดีของศาลทหารฯ