คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสี่ไปยื่นคำร้องต่อทางราชการขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นกำนันได้ยื่นคำร้องคัดค้านว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งประชาชนทั่วไปรวมทั้งโจทก์ใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ทางอำเภอสอบสวนแล้วมีคำสั่งเปรียบเทียบให้โจทก์ฟ้องร้องต่อศาลภายใน 60 วัน แต่คำสั่งดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องจำเลย เพราะหากที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่พลเมืองใช้ร่วมกันโจทก์และจำเลยก็ย่อมมีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้การยื่นคำขอของจำเลยทั้งสี่ก็ไม่ปรากฎว่าทำให้โจทก์ได้ได้รับความเสียหายยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป และโจทก์เองก็ไม่มีกฎหมายใดกำหนดให้เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอีกทั้งไม่ปรากฎว่าถูกจำเลยทั้งสี่ขัดขวางการใช้สิทธิในที่ดินดังกล่าวเป็นพิเศษ จึงยังไม่อาจถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสี่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้พิพากษาว่า ที่ดินจำเลยทั้งสี่ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททุ่งเลี้ยงสัตว์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยทั้งสี่ครอบครองที่ดิน โดยความสงบและเปิดเผยเกินกว่า 1 ปีแล้ว และเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมา โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียในที่ดินดังกล่าว จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องและฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก แล้วมีคำสั่งว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสี่ แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทตามฟ้องนั้นข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยทั้งสี่ได้ไปยื่นคำร้องต่อทางราชการอำเภอชนแดน ขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยจำเลยทั้งสี่อ้างว่าได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเต็มทั้งแปลงตลอดมา โจทก์ซึ่งเป็นกำนันตำบลท่าข้ามในขณะนั้นได้ไปยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประชาชนทั่วไปรวมทั้งโจทก์ใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ ทางอำเภอสอบสวนแล้วได้มีคำสั่งเปรียบเทียบให้โจทก์ฟ้องร้องต่อศาลภายใน 60 วัน ตามเอกสารหมายจ.1 เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฟ้องจำเลยแต่อย่างใด เพราะหากที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่พลเมืองใช้ร่วมกันดังที่โจทก์อ้าง โจทก์และจำเลยก็ย่อมมีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้ การยื่นคำขอของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวก็ไม่ปรากฎว่าทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป และโจทก์เองก็ไม่มีกฎหมายใดกำหนดให้เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอีกทั้งไม่ปรากฎว่าถูกจำเลยทั้งสี่ขัดขวางการใช้สิทธิในที่ดินดังกล่าวเป็นพิเศษ จึงยังไม่อาจถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสี่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ซึ่งตามฟ้องและคำให้การพิจารณาประกอบคำเบิกความโจทก์เท่าที่สืบมาแล้วก็ฟังได้ตามที่กล่าวมาแล้ว คดีไม่จำต้องสืบพยานอีกต่อไปที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share