คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีโจทก์กับสามีจำเลยร่วมทุนกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญโดยไม่จดทะเบียน สามีโจทก์ตาย โจทก์รับมรดกและเข้าสวมสิทธิเป็นหุ้นส่วนแทน โดยความยินยอมของสามีจำเลย ห้างหุ้นส่วนจึงยังไม่เลิก ต่อมาสามีจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดก กลับปฏิเสธว่าสามีโจทก์มิได้เป็นหุ้นส่วนกับสามีจำเลย ดังนี้ ห้างหุ้นส่วนนั้นย่อมเลิกจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1055 (5)
เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ก็จะต้องจัดการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน แม้จำเลยจะเข้าดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนจำเลยก็มิได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย โดยมิได้ฟ้องขอให้ชำระบัญชี ศาลจะพิพากษาให้ชำระบัญชีไม่ได้ เพราะเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายพวยสูง แซ่เฮ้ง สามีโจทก์เข้าหุ้นส่วนกับนายเปงชุน แซ่แต้ สามีจำเลย ประกอบการรับขนส่งทางน้ำโดยมิได้จดทะเบียนหุ้นส่วน โดยนำเรือบรรทุกหมายเลข ๑๐๔๘๗๐ เข้าร่วมในกิจการของบริษัทสหขนส่งทางน้ำ จำกัด ต่อมานายพวยสูงตาย โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลและได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนกับนายเปงชุน โดยนายเปงชุนเป็นผู้จัดการ ต่อมานายเปงชุนตาย จำเลยรับมรดกของนายเปงชุน รวมทั้งดำเนินกิจการหุ้นส่วนดังกล่าว แต่ไม่ยอมแสดงบัญชีและแบ่งผลกำไรขอให้บังคับจำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายพร้อมทั้งใบสำคัญการรับจ่ายของกิจการหุ้นส่วน
จำเลยต่อสู้ว่าเรือที่โจทก์ฟ้องเป็นของนายเปงชุนแต่ผู้เดียว โจทก์และนายพวยสูงมิได้เป็นหุ้นส่วน จำเลยมิได้เป็นภริยานายเปงชุน และสัญญาเข้าหุ้นส่วนระงับแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง นายพวยสูงกับนายเปงชุนเข้าหุ้นส่วนกัน เมื่อนายพวยสูงตายโจทก์เข้าเป็นหุ้นส่วนแทน บัดนี้นายเปงชุนตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกและเข้าดำเนินกิจการแทนนายเปงชุนต่อไป โจทก์จำเลยไม่ได้แสดงเจตนาเลิกสัญญา โจทก์ใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๓๗ ไต่ถามถึงการงานของห้างหุ้นส่วนที่จัดอยู่นั้นได้ พิพากษาให้จำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายพร้อมทั้งทั้งใบสำคัญการรับจ่ายของกิจการหุ้นส่วนขนส่งทางน้ำโดยเรือบรรทุกหมายเลข ๑๐๔๘๗๐
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายพวยสูงสามีโจทก์และนายเปงชุนสามีจำเลยร่วมทุนกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญดำเนินกิจการนำเรือฉลอมพิพาทเข้าร่วมในกิจการของบริษัทสหขนส่งทางน้ำ จำกัด เพื่อหากำไรแบ่งปันกันคนละครึ่ง โดยนายพวยสูงออกเงินให้นายเปงชุน ๓๕,๐๐๐ บาท แต่มิได้จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน ปี ๒๔๙๙ นายพวยสูงตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดก และเข้าสวมสิทธิในหุ้นส่วน นายเปงชุนก็ยอมรับ โดยถือปฏิบัติแบ่งปันผลกำไรให้โจทก์สืบแทน ห้างหุ้นส่วนยังคงค้าต่อไปตามเดิม
ต่อมาปี ๒๕๐๗ นายเปงชุนตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดก และปฏิเสธว่านายพวยสูงมิได้เป็นหุ้นส่วนกับนายเปงชุน ดังนี้ ห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นย่อมเลิกกันด้วยเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๕๕ (๕)
เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ให้จัดการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๖๑
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ชำระบัญชี ศาลจะพิพากษาให้ชำระบัญชีก็ไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share