คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1658/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ ลงลายมือชื่อแต่ผู้เดียวเป็นการไม่ถูกต้องตามหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางถือได้ว่าจำเลยตั้งประเด็นต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์แล้ว
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทโจทก์ได้มี 3 คนสองในสามคนมีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทได้แต่ต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ดังนี้ การลงลายมือชื่อในเอกสารที่ทำขึ้นในนามของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด จะมีผลเป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกรรมการที่ระบุชื่อไว้ลงลายมือชื่อแทนโจทก์ไม่น้อยกว่าสองคนและประทับตราด้วยแต่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย ปรากฏว่ากรรมการผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่มีผลสมบูรณ์เป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อฟ้องโจทก์ต้องยกเสีย โดยไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่า เป็นการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ และโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแล้วหรือไม่เพราะเป็นการนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2513)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกไปจากโจทก์ ๒ คัน จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง ๒ ครั้ง แล้วไม่ชำระอีกเลย ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินค่าเช่าซื้อ ๒๓๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้อง มีกรรมการบริษัทลงนามแต่ผู้เดียวเป็นการไม่ถูกต้อง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๑๐,๐๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อ ตามคำให้การจำเลยนอกจากให้การปฏิเสธว่าความจริงเป็นเรื่องเช่าไม่ใช่เช่าซื้อแล้ว ยังได้ต่อสู้ว่าสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ ได้ลงลายมือชื่อไว้แต่เพียงผู้เดียว เป็นการไม่ถูกต้องตามหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ถือได้ว่าจำเลยได้ตั้งประเด็นต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว กล่าวคือ ถ้าหากฟังได้ว่าสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังจำเลยให้การต่อสู้ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อได้
ปัญหาที่ว่า โจทก์จะมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ฟ้องได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางที่โจทก์อ้าง มีข้อความระบุไว้ว่ากรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ คือ ๑. นายเซี่ยมเล้า แซ่ตั้ง๒. นายโชคอำนาย เอื้อมพรวณิช ๓. นางสาวพัชรา ทิวาศุภฤกษ์สองในสามคนร่วมกันมีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทได้แต่ต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ดังนี้ การลงลายมือชื่อในเอกสารที่ทำขึ้นในนามของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด จะมีผลเป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกรรมการที่ระบุชื่อแทนโจทก์ไม่น้อยกว่าสองคนและประทับตราด้วย แต่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยปรากฏว่ามีนายเซี่ยมเล้า แซ่ตั้ง กรรมการผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้ให้เช่าซื้อ หาได้มีกรรมการอีกคนหนึ่งร่วมลงลายมือชื่อด้วยไม่การลงลายมือชื่อของนายเซี่ยมเล้า แซ่ตั้ง กรรมการแต่ผู้เดียว จึงไม่มีผลสมบูรณ์เป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อ ฟ้องโจทก์ต้องยกเสีย โดยไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่าเป็นการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจ และโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแล้วหรือไม่ เพราะเป็นการนอกประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การ
พิพากษายืน

Share