แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่จำเลยจดทะเบียนสมรสกับ ท. นั้น ท. จดทะเบียนสมรสกับโจทก์แล้วและยังคงเป็นคู่สมรสกับโจทก์ตลอดมาจนกระทั่ง ท. ถึงแก่ความตาย การสมรสระหว่างจำเลยกับ ท. จึงเป็นการฝ่าฝืน ป.พ.พ. มาตรา 1452 และตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1495 ผู้มีส่วนได้เสียจะกล่าวอ้างขึ้นหรือจะร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะก็ได้ตามมาตรา 1497 แม้ภายหลัง ท. ถึงแก่ความตายเป็นเหตุให้การสมรสระหว่างจำเลยกับ ท. สิ้นสุดลงไปก่อนโจทก์ฟ้องก็ตาม แต่เมื่อการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับ ท. ยังเป็นโมฆะอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้การสมรสระหว่างจำเลยกับ ท. เป็นโมฆะได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาของนายทนงศักดิ์ โดยจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2528 ต่อมานายทนงศักดิ์ถึงแก่ความตาย โจทก์ไปขอรับเงินบำเหน็จตกทอดและเงินอื่น ๆ ที่ทางราชการจะจ่ายให้แก่ทายาท ปรากฏว่าจำเลยได้อ้างว่าเป็นภริยาของนายทนงศักดิ์โดยจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2538 การจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับนายทนงศักดิ์เป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อน จึงตกเป็นโมฆะ ขอให้จำเลยไปจดทะเบียนเพิกถอนทะเบียนสมรสเลขที่ 529/1140 หากจำเลยไม่ไปดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้การจดทะเบียนสมรสระหว่างนายทนงศักดิ์ กับจำเลย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2538 ตามทะเบียนสมรสเลขที่ 529/1140 เป็นโมฆะ และให้แจ้งนายทะเบียนอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช บันทึกความเป็นโมฆะไว้ในทะเบียนสมรสเมื่อคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสดังกล่าวเป็นโมฆะถึงที่สุด ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับนายทนงศักดิ์ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2528 ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2538 นายทนงศักดิ์จดทะเบียนสมรสกับจำเลย นายทนงศักดิ์ถึงแก่ความตายวันที่ 5 กันยายน 2551
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า เมื่อนายทนงศักดิ์ถึงแก่ความตายไปก่อนโจทก์ฟ้องและการสมรสระหว่างนายทนงศักดิ์กับจำเลยสิ้นสุดลงเพราะเหตุนายทนงศักดิ์ถึงแก่ความตาย การสมรสซ้อนดังกล่าวจึงไม่กระทบหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า การสมรสระหว่างนายทนงศักดิ์กับจำเลยตกเป็นโมฆะ เห็นว่า เมื่อรับฟังได้ว่าขณะที่จำเลยจดทะเบียนสมรสกับนายทะนงศักดิ์นั้น นายทนงศักดิ์จดทะเบียนสมรสกับโจทก์แล้ว และยังคงเป็นคู่สมรสกับโจทก์ตลอดมาจนกระทั่งนายทนงศักดิ์ถึงแก่ความตาย การสมรสระหว่างจำเลยกับนายทนงศักดิ์จึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 และตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1495 ซึ่งกรณีดังกล่าวกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้มีส่วนได้เสียจะกล่าวอ้างขึ้นหรือจะร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะก็ได้ตามมาตรา 1497 ดังนี้ แม้ภายหลังจากที่นายทนงศักดิ์ได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยแล้ว นายทนงศักดิ์ถึงแก่ความตายเป็นเหตุให้การสมรสระหว่างจำเลยกับนายทนงศักดิ์สิ้นสุดลงไปก่อนโจทก์ฟ้องก็ตาม แต่เมื่อการจดทะเบียนสมรสระหว่างจำเลยกับนายทนงศักดิ์ยังเป็นโมฆะอยู่เช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้การสมรสระหว่างจำเลยกับนายทนงศักดิ์เป็นโมฆะได้ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ