แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยว่า เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางคืน จำเลยสมคบพากันไปลักจับปลาในโป๊ะของนายข่อง พวกนายอ่องเจ้าทรัพย์ไปพบจำเลย ๆ จึงจับเอาปลาเหล่านั้นไปไม่ได้ เหตุเกิดที่ตำบลอ่าวประแส จังหวัดระยอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๘๘ – ๒๙๓ – ๒๙๔ – ๖๐ ๆ
จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ ๆ
ศาลจังหวัดระยองพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้ลอบเข้าไปรุกจับปลาในโป๊ะของนายอ่องจริง แต่จะลงโทษจำเลยฐานเปนโจรลักทรัพย์ของนายอ่องตามบทที่โจทย์ขอมานั้นยังมิได้เพราะปลาในโป๊ะยังไม่เปนของนายอ่อง จึงพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า โจทย์มีพยานหลายปากเบิกความเจือสมคำกันยืนยันว่า เมื่อคืนวันเกิดเหตุพยานได้เห็นจำเลยเอาเรือเข้าไปในโป๊ะปลาของนายอ่องแลจำเลยได้เอาอวนลงล้อมจะจับปลาในโป๊ะนั้น พวกนายอ่องมาพบเข้าจำเลยจึงยังไม่ทันจับปลาเหล่านั้นไปได้ดังนี้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๓ ข้อ ๑ – ๑๑ แลมาตรา ๖๐ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนดคนละ ๔ เดือน ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมปฤกษาคดีนี้เห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่าจำเลยได้ลอบเข้าไปในโป๊ะปลาของนายอ่อง กำลังลงอวนล้อมจะจับปลาในโป๊ะนั้นจริง จำเลยย่อมมีผิดดังที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาวางบทลงโทษมานั้นฎีกาจำเลยไม่มีเหตุที่จะชนะคดีโจทย์ได้ ให้ยกเสีย ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ ฯ
วันที่ ๖ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓