แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยพิพาทกันในคดีก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยได้ขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์และจำเลยมิได้ไถ่คืนภายในกำหนดเวลา ที่พิพาทจึงตกเป็นของโจทก์ จำเลยได้อุทธรณ์ต่อมา แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่จำต้องพิจารณาว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นของโจทก์ผู้ให้เช่าหรือไม่ ถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อันเป็นคำพิพากษาชั้นที่สุดยังมิได้วินิจฉัยประเด็นดังกล่าว จำเลยจึงยกขึ้นต่อสู้และขอให้วินิจฉัยใหม่ในคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
(อ้างฎีกาที่ 1276/2494)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้แก่โจทก์ พ้นกำหนดแล้วไม่ไถ่คืน ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เมื่อจำเลยขายฝากแล้วได้เช่าที่พิพาทจากโจทก์แล้วก็ไม่ชำระค่าเช่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเกินกว่า ๒ คราว ติด ๆ กัน โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกเลิกการเช่าและให้จำเลยออกไปจากที่เช่าแล้ว จำเลยก็ไม่ยอมออก การที่จำเลยยังขืนอยู่ต่อไปในที่เช่าจึงเป็นการละเมิด ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย จำเลยไม่เคยขายฝากที่พิพาทแก่โจทก์ สัญญาขายฝากเป็นโมฆะ เพราะเป็นการแสดงเจตนาด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า จำเลยได้แบ่งกรรมสิทธิ์มาเกิน ๑ ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ต่อมาจำเลยแถลงขอถอนฟ้องแย้ง ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยได้ขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ และพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว ที่พิพาทจึงตกเป็นของโจทก์ จำเลยค้างค่าเช่าเกินกว่าสองคราวติด ๆ กัน และโจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่า จะอ้างว่าครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้ ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท ห้ามเกี่ยวข้อง และให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลได้พิพากษาชี้ขาดในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๔๐๒/๒๕๐๕ ซึ่งโจทก์จำเลยพิพาทกันมาแล้วว่า จำเลยได้ขายฝากที่พิพาทให้โจทก์ และมิได้ไถ่ถอนภายในกำหนด ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ประเด็นข้อนี้ถึงที่สุดไปแล้ว จะรื้อฟื้นขึ้นมาวินิจฉัยใหม่อีกไม่ได้ โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว จำเลยขืนอยู่จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประเด็นที่ว่าจำเลยได้ขายฝากที่พิพาทไว้กับโจทก์ และจำเลยมิได้ไถ่คืนภายในกำหนดเวลา ที่พิพาทจึงตกเป็นของโจทก์นั้น มิได้ยุติเพียงศาลชั้นต้น จำเลยได้อุทธรณ์ต่อมา แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่จำต้องพิจารณาว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นของโจทก์ผู้ให้เช่าหรือไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์อันเป็นคำพิพากษาชั้นที่สุดจึงยังมิได้วินิจฉัยประเด็นดังกล่าวจำเลยจึงยกขึ้นต่อสู้และขอให้วินิจฉัยใหม่ในคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ ดังนัยฎีกาที่ ๑๒๗๖/๒๔๙๔ และเห็นว่าจำเลยได้ขายฝากที่พิพาทไว้แก่โจทก์ และหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย