คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ จำเลย ท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินของแต่ละฝ่ายไว้ แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดตามที่เป็นจริงถ้าฝ่ายใดเกินอีกฝ่ายหนึ่งขาดฝ่ายที่เกินยอมแพ้ แต่ปรากฏจากการรังวัดว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึงเกือบหนึ่งในห้า เห็นได้ว่า เนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้ง เพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้า ศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้ คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไป ชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๑๗๓๙ เนื้อที่ ๑ งาน ๕๒ ๙/๑๐ ตารางวา ทิศใต้จดที่ดินของจำเลย เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๙ จำเลยบุกรุกเข้าล้อมรั้วที่ดินของโจทก์ด้านติดกับจำเลย เป็นเนื้อที่ ๑๔ ๖/๑๐ ตารางวา ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์เนื้อที่เพียง ๑ งาน ๕๐ ตารางวา เท่านั้น จำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยครอบครองที่พิพาทกว่า ๑๐ ปีแล้ว หากจะมีการบุกรุก จำเลยก็ได้สิทธิครอบครองโดยชอบ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ จำเลย ท้ากันว่าให้ถือว่าที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่ ๓๕๐ ตารางวา ของจำเลยมีเนื้อที่ ๑ ไร่ ๔๐ ตารางวา แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามที่เป็นจริง ถ้าต่างมีเนื้อที่เท่าจำนวนดังกล่าวหรือของโจทกืเกินของจำเลยขาดจำนวนนั้น โจทก์ยอมแพ้ ถ้าของโจทก์ขาดจำนวนไปและของจำเลยเกินจำนวน จำเลยยอมยกส่วนที่เกินให้โจทก์แต่ไม่เกินจำนวนที่โจทก์เรียกร้องตามฟ้อง ถ้าขาดจำนวนไปทั้งสองฝ่ายให้เฉลี่ยกันขาดคนละครึ่ง เจ้าพนักงานที่ดินได้ไปทำการรังวัดและทำแผนที่พิพาทส่งต่อศาลชั้นต้นแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนรั้วและสิ่งปลูกสร้างออกไปโดยให้เนื้อที่ดินโจทก์เพิ่มขึ้น ๕ ๒/๑๐ จากหลักที่ ๕ ที่ ๖ ตามแผนที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามคำท้าของโจทก์จำเลยในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า การท้ากันให้ถือเอาจำนวนเนื้อที่ของโจทก์ ๓๕๐ ตารางวา ของจำเลย๑ ไร่ ๔๐ ตารางวาเป็นตัวตั้ง และให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามที่เป็นจริง แต่ปรากฏว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึง ๙๐ ตารางวา เห็นได้ว่า เนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้ง เพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้า ศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้ คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไป ชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่

Share