คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3179/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ผู้รับมรดกของ อ.ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวที่เช่า จำเลยอ้างว่าจำเลยตั้งให้ ร.เป็นตัวแทนของจำเลยเข้าทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวกับ อ.ผู้ให้เช่าซึ่งอ.ก็ทราบเรื่องนี้ดีและยินยอมให้ ร.เข้าทำสัญญาเช่าในฐานะตัวแทนของจำเลยได้กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยเปิดเผยให้บุคคลภายนอกทราบแล้วว่าตนเป็นตัวการตั้งให้ ร.ทำสัญญาเช่าแทนจำเลยจะมาอ้างว่าตนเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ กลับแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาเช่าที่ ร.ตัวแทนได้ทำไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 หาได้ไม่ การที่จำเลยตั้ง ร.เป็นตัวแทนไปกระทำการดังกล่าวซึ่งต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อการตั้งตัวแทนของจำเลยไม่ได้ทำ เป็นหนังสือจึงไม่เป็นผลให้ใช้บังคับแก่อ.และโจทก์ได้ว่าจำเลยเป็นผู้เช่าตามสัญญาเช่าดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยออกไปจากตึกแถวของโจทก์ได้ เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำฟ้อง คำให้การและที่คู่ความแถลงรับกันเพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อใดหรือทั้งคดีโดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นอีกแล้วศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งงดสืบพยานได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออจากที่ดินและตึกแถวที่เช่าพร้อมทั้งให้ชำระค่าเสียหายเดือนละ 25,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า นายรังสรรค์ตัวแทนของจำเลยได้ทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวดังกล่าวกับหลวงอาจอัคคีการแทนจำเลย หลวงอาจอัคคีการทราบและยินยอม หากโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวจริง ก็ยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยเพราะยังไม่ครบกำหนดตามสัญญา แม้นายรังสรรค์ตายไปแล้วสัญญาเช่าก็ไม่สิ้นสุดขอให้ยกฟ้อง

ก่อนเริ่มสืบพยาน คู่ความแถลงรับกันว่า เดิมห้องเลขที่ 26 ตามฟ้องเป็นของหลวงอาจอัคคีการ หลวงอาจอัคคีการในฐานะผู้ให้เช่ากับนายรังสรรค์ในฐานะผู้เช่าได้ทำหนังสือสัญญาเช่า และจดทะเบียนการเช่าตึกแถวห้องนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 กันไว้ ต่อมาโจทก์ได้รับมรดกที่ดินพร้อมตึกแถวห้องนี้บัดนี้นายรังสรรค์ผู้เช่าถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยยังคงอยู่ในห้องพิพาท

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้แล้ว จึงงดสืบพยานโจทก์ จำเลย และพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเมื่อ พ.ศ. 2514 หลวงอาจอัคคีการในฐานะผู้ให้เช่าได้ทำหนังสือสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวเลขที่ 26 ตามฟ้องกับนายรังสรรค์ในฐานะผู้เช่ามีกำหนด 13 ปี 8 เดือน ตามเอกสารหมาย จ.1 ขณะนี้ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาเช่านายรังสรรค์ถึงแก่ความตายแล้วและหลวงอาจอัคคีการถึงแก่ความตายแล้วด้วยที่ดินและตึกแถวตามฟ้องตกเป็นมรดกแก่โจทก์ การตั้งนายรังสรรค์เป็นตัวแทนของจำเลยมิได้ทำเป็นหนังสือ ก่อนฟ้องโจทก์ได้บอกกล่าวเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้วมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การตั้งนายรังสรรค์เป็นตัวแทนของจำเลยทำสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.1 ไม่ต้องทำเป็นหนังสือ เพราะเป็นกรณีจำเลยเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ กลับแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาที่นายรังสรรค์ตัวแทนได้ทำไว้แทนจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำให้การและฎีกาของจำเลยได้กล่าวยืนยันว่า ในการเช่าตึกแถวได้ให้นายรังสรรค์เป็นตัวแทนของจำเลยเข้าทำสัญญาเช่ากับหลวงอาจอัคคีการ ซึ่งหลวงอาจอัคคีการก็ทราบเรื่องนี้ดีและยินยอมให้นายรังสรรค์เข้าทำสัญญาเช่าในฐานะตัวแทนของจำเลย เป็นการยืนยืนว่าในขณะที่นายรังสรรค์ทำสัญญาเช่ากับหลวงอาจอัคคีการผู้ให้เช่า จำเลยได้แสดงออกให้หลวงอาจอัคคีการผู้ให้เช่าทราบว่านายรังสรรค์เป็นตัวแทนของจำเลย กรณีนี้จึงเป็นเรื่องที่จำเลยได้เปิดเผยให้บุคคลภายนอกทราบแล้วว่าเป็นตัวการตั้งให้นายรังสรรค์ทำสัญญาเช่าแทนจำเลยจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 มาปรับบทหาได้ไม่ การที่จำเลยตั้งนายรังสรรค์เป็นตัวแทนกระทำกิจการที่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การตั้งตัวแทนของจำเลยจึงต้องทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 วรรคแรกเมื่อการตั้งนายรังสรรค์เป็นตัวแทนของจำเลยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จึงไม่เป็นผลให้ใช้บังคับแก่หลวงอาจอัคคีการผู้ใหเช่าและโจทก์ได้ว่าจำเลยเป็นผู้เช่าตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.1 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยออกไปจากตึกแถวเลขที่ 26ของโจทก์ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นปัญหาวินิจฉัยต่อไปมีว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฎตามคำฟ้องคำให้การและที่คู่ความแถลงรับกันเพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อใดหรือทั้งคดีโดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นอีกแล้ว ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งงดสืบพยานต่อไปได้และคดีนี้ข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การ และที่โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันพอที่จะนำมาวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้แล้ว ไม่ต้องสืบพยานเพื่อฟังข้อเท็จจริงอื่นต่อไป

พิพากษายืน

Share