แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ถนนพิพาทและตึกแถวที่โจทก์เช่า จึงมีสิทธิที่จะให้ใครใช้ถนนพิพาทหรือไม่ก็ได้ ส่วนการที่โจทก์มีสิทธิใช้ถนนพิพาทก็เนื่องจากโจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ริมถนนพิพาท แต่ผู้เช่าจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าเสนอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง และต้องบำรุงรักษาทั้งการซ่อมแซมเล็กน้อยด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 553 โจทก์จึงต้องสงวนถนนพิพาท เมื่อการให้รถบรรทุก 6 ล้อ และ 10 ล้อ แล่นเข้ามาในถนนพิพาทเป็นเหตุให้ถนนพิพาทชำรุดเร็วยิ่งขึ้น ดังนี้ การที่จำเลยปิดกั้นถนนพิพาทและห้ามโจทก์ใช้รถบรรทุก 10 ล้อของโจทก์วิ่งผ่านจึงเป็นการสมควรแล้ว และแม้ในสัญญาเช่าจะระบุว่าให้เช่าตึกแถวเพื่อการค้าและอยู่อาศัยก็ตาม แต่เมื่อสัญญาเช่าไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าเป็นการค้าขายประเภทใด ซึ่งหากเป็นการตั้งโรงงานใช้รถบรรทุก 10 ล้อ จำเลยอาจไม่ให้เช่าก็ได้ และจำเลยไม่ได้ห้ามเด็ดขาดมิให้รถยนต์แล่นเข้าออกถนนพิพาทเสียทีเดียวรถยนต์ 4 ล้อและรถปิกอัพก็สามารถแล่นเข้ามาได้ เพียงแต่โจทก์ไม่ได้รับความสะดวกเท่านั้นเอง จำเลยจึงไม่ได้ผิดสัญญาเช่า
ย่อยาว
คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยเรียกโจทก์สำนวนที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นโจทก์ที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ตามลำดับและเรียกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทั้งสามสำนวนเป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยได้ออกประกาศโฆษณารูปแบบแผนผังที่ตั้งโครงการ ตัวอาคารก่อสร้าง ตลอดจนบริเวณที่ว่างหลังตึกแถวและถนนซอยกว้าง 10 เมตร รวมท่อระบายน้ำเป็น 12 เมตร เป็นคำมั่นสัญญาเชิญชวนให้โจทก์ทั้งสามและบุคคลทั่วไปเข้าจองตึกแถวที่สร้างจำเลยทั้งสองต้องถูกผูกพัน โจทก์ที่ 1จึงจองและเช่าตึกแถว 2 คูหา เลขที่ 116/10 และ 116/11 เพื่อทำการค้าและจะต่อเติมตัวอาคารด้านหลัง โจทก์ที่ 2 จองและเช่าตึกแถว 1 คูหา เลขที่ 116/12 เพื่อทำการค้าและจะต่อเติมตัวอาคารด้านหลังและโจทก์ที่ 3 จองและเช่าตึกแถว2 คูหา เลขที่ 116/25 และ 116/26 เพื่อทำการค้าเปิดอู่ซ่อมรถยนต์และจะต่อเติมตัวอาคารด้านหลัง เมื่อโจทก์ทั้งสามได้เข้าอยู่ในตึกแถวที่เช่าแล้ว ต่อมาต้นเดือนมิถุนายน 2534 จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ประกาศโฆษณาว่าจะเว้นที่ดินให้เป็นถนนซอยเข้าออกของตึกแถวมีความกว้าง 10 เมตรรวมท่อระบายน้ำเป็น 12 เมตร โดยจำเลยทั้งสองได้สร้างสิ่งกีดขวางที่บริเวณปากซอยปิดกั้นไม่ให้รถยนต์เข้าออกได้ตามปกติและทำให้ความกว้างของถนนซอยแคบเหลือเพียง 1 เมตร ไม่สะดวกที่จะนำรถยนต์เข้าออกการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการละเมิดไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาทำให้โจทก์ทั้งสามต่างเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนสิ่งกีดขวางบริเวณปากถนนซอยทางเข้าตึกแถวด้านในของโจทก์ทั้งสาม ให้ซ่อมถนนซอยให้กลับคืนสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษาและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสามคนละ 9,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องจนกว่ารื้อถอนสิ่งกีดขวางออกไปเสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินที่ก่อสร้างตึกแถวทั้ง 38 คูหา จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้สัญญาแก่โจทก์ทั้งสามตามที่โฆษณาว่า ถนนภายในซอยรวมท่อระบายน้ำกว้าง 12 เมตร โจทก์ทั้งสามทำสัญญาเช่าตึกแถวกับจำเลยทั้งสองเพื่อค้าขายและอยู่อาศัยเท่านั้น จำเลยทั้งสองจัดการให้มียามเฝ้าดูแลผู้คนและรถยนต์เข้าออก จัดทำป้อมยาม มีความเปิดปิดทางเข้าปากถนนซอยและให้มีสติกเกอร์สำหรับรถยนต์ของผู้เช่าเข้าออกได้ตามความต้องการเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้เช่า ทั้งถนนดังกล่าวมีความกว้างเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง รถยนต์บรรทุกสินค้าสามารถเข้าออกได้เป็นปกติจำเลยทั้งสองมีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดิน ไม่มีลักษณะใด ๆ ห้ามไม่ได้ทำป้อมยามทำคานปิดเปิด จัดยามดูแล หรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของถนนในที่ดิน โจทก์ทั้งสามไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินเดือนละ2,000 บาท ต่อคนแก่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยทั้งสองจะไม่ขัดขวางการเข้าออกรถยนต์บรรทุกสินค้าของโจทก์ที่ 1และที่ 2 ห้ามจำเลยทั้งสองขัดขวางการเข้าออกของรถยนต์ที่โจทก์ทั้งสามใช้ในทางการค้าและอยู่อาศัยตามปกติ คำขออื่นของโจทก์ทั้งสามให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ทั้งสามสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาทั้งสามสำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 14475 และ 14476และเป็นเจ้าของตึกแถวจำนวน 38 คูหา ที่ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งปลูกติดถนนนนทรีและติดถนนซอยแยกจากถนนนนทรีเข้าไป โจทก์ทั้งสามเป็นผู้เช่าตึกแถวที่ปลูกอยู่ที่ถนนซอยหรือถนนพิพาทจากจำเลยทั้งสองโดยโจทก์ที่ 1 เช่าตึกแถวเลขที่ 116/10และ 116/11 โจทก์ที่ 2 เช่าตึกแถวเลขที่ 116/12 โจทก์ที่ 3เช่าตึกแถวเลขที่ 116/25 และ 116/26 ตามลำดับ โจทก์ทั้งสามและบุคคลอื่นที่เช่าตึกแถวด้านหลังได้ใช้ถนนพิพาทดังกล่าวเข้าออกถนนนนทรีตลอดมา ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2534 จำเลยทั้งสองได้สร้างป้อมยามและทำคานปิดเปิดกั้นถนนพิพาทที่เข้าไปยังตึกแถวดังกล่าว รถยนต์ที่ผ่านเข้าออกต้องได้รับอนุญาตจากยามเว้นแต่รถบรรทุก 6 ล้อ หรือ 10 ล้อห้ามมิให้เข้าเด็ดขาด
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่า การที่จำเลยทั้งสองห้ามมิให้รถบรรทุก 6 ล้อและ 10 ล้อ ผ่านเข้าออกถนนพิพาทเป็นการผิดสัญญาเช่าหรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองอ้างเหตุว่าการที่จำเลยทั้งสองห้ามมิให้โจทก์ทั้งสามใช้รถบรรทุก 6 ล้อและรถบรรทุก 10 ล้อ เป็นการป้องกันมิให้ถนนพิพาทชำรุดเสียหายเร็วยิ่งขึ้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ถนนพิพาทและตึกแถวที่โจทก์ทั้งสามเช่า ถนนพิพาทเป็นถนนส่วนบุคคลของจำเลยทั้งสอง จึงมีสิทธิที่จะให้ใครใช้หรือไม่ก็ได้การที่โจทก์ทั้งสามมีสิทธิใช้ถนนพิพาท เนื่องจากโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เช่าตึกแถวของจำเลยทั้งสองซึ่งปลูกอยู่ริมถนนพิพาทในการเช่าตึกแถวโจทก์ทั้งสามผู้เช่ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 553 ซึ่งบัญญัติว่า”ผู้เช่าจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าเสมอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเองและต้องบำรุงรักษาทั้งทำการซ่อมแซมเล็กน้อยด้วย”ดังนั้น ถนนพิพาทแม้โจทก์ทั้งสามมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่มีสิทธิที่จะใช้เนื่องจากเป็นผู้เช่าตึกแถว โจทก์ทั้งสามจึงต้องสงวนถนนพิพาทด้วย เมื่อการให้รถบรรทุก 6 ล้อ และ 10 ล้อ แล่นเข้ามาในถนนพิพาทเป็นเหตุให้ถนนพิพาทชำรุดเร็วยิ่งขึ้นการที่จำเลยทั้งสองห้ามโจทก์ทั้งสามเป็นการสมควรแล้วแม้ในสัญญาเช่าจะระบุว่าให้เช่าตึกแถวเพื่อการค้าและอยู่อาศัยก็ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่า เป็นการค้าขายประเภทใด ซึ่งหากเป็นการตั้งโรงงานใช้รถบรรทุก 10 ล้อ จำเลยทั้งสองอาจไม่ให้เช่าก็ได้ อย่างไรก็ตามจำเลยทั้งสองไม่ได้ห้ามเด็ดขาดมิให้รถยนต์แล่นเข้าออกถนนพิพาทเสียทีเดียว รถยนต์ 4 ล้อและรถปิกอัพก็สามารถแล่นเข้ามาได้เพียงแต่โจทก์ไม่ได้รับความสะดวกเท่านั้นเองจำเลยทั้งสองไม่ได้ผิดสัญญาเช่าจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์