แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานสอบสวน และคณะกรรมการผู้ทำการสอบสวน ซึ่งได้แต่งตั้งขึ้นโดยทางราชการถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน
ในเรื่องฟ้องขอให้ลงโทษฐานแจ้งความเท็จ ฟ้องของโจทก์ระบุว่าแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน แม้ไม่มีคำว่าเจ้าพนักงาน ก็ลงโทษฐานแจ้งความเท็จได้.
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยได้บังอาจแจ้งความเท็จต่อนายพันตำรวจตรีนาคพนักงานสอบสวน และคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมี พ.ต.ต.สมบูรณ์ เป็นประธานว่า จำเลยได้ส่งเงิน ๓๐๐ บาทให้โจทก์ ซึ่งขณะนั้นเป็นรองสารวัตรตามคำเรียกร้องของโจทก์ จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดมาตรา ๑๑๘ ให้จำคุก ๔ เดือน แต่รอการลงอาญา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยนำความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโจทก์ทุจจริตต่อหน้าที่ รับสินบลซึ่งเป็นการกล่าวหาอย่างฉกรรจ์ โจทก์ต้องถูกไล่ออก เสียหายอย่างร้ายแรง พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๔ เดือน โดยไม่รอการลงอาญา
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่เชื่อคำพะยานฝ่ายใด ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกสำนวนที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องไม่มีคำว่า เจ้าพนักงาน มีแต่พนักงานสอบสวนนั้น ฟ้องกล่าวไว้ชัดว่า จำเลยบังอาจแจ้งต่อนายพันตำรวจตรีนาค พนักงานสอบสวน ซึ่งไม่มีทางจะไม่ฟังว่า ไม่เป็นเจ้าพนักงานสอบสวนและคณะกรรมการผู้ทำการสอบสวนในฐานะเป็นพนักงานสอบสวนหรือไม่ ไม่เป็นเหตุให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในคดีนี้ไม่เป็นเจ้าพนักงาน
พิพากษายืน