คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเพิกถอนการโอนขายที่ดินพิพาทเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือเป็นการโอนโดยชอบอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยตามขอ ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไป

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2530 ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2530และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2531ขณะนี้จำเลยยังไม่พ้นภาวะการล้มละลาย เดิมจำเลยเป็นผู้ถือสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 899 และ 1116 ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกาจังหวัดตรัง รวม 2 แปลง ต่อมาวันที่ 27 พฤษภาคม 2529จำเลยได้โอนขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้ผู้คัดค้านไปโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน และเป็นการโอนทรัพย์สินในระหว่าง 3 ปี ก่อนมีการขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 899 และ 1116 ตำบลกะลาเสอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 โดยให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม ถ้าไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 265,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนที่ดินพิพาททั้งสองแปลงจากจำเลยโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนเหมาะสมแก่ราคาที่ดินแล้ว ผู้คัดค้านไม่ทราบว่าจำเลยเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทตามตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 899 และ 1116ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านและให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ ให้ผู้คัดค้านใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 265,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันยื่นคำร้องขอเพิกถอนการโอนเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่กองทรัพย์สินของจำเลย
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2529 ซึ่งอยู่ในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้ผู้คัดค้านปรากฎตามหนังสือสัญญาขายที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เอกสารหมาย ร.1 ถึง ร.4 มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องจะร้องขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 114 ได้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐานของผู้คัดค้านไม่มีน้ำหนักรับฟังว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนที่ดินพิพาททั้งสองแปลงจากจำเลยโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ผู้ร้องจึงร้องขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114แต่การที่ผู้ร้องขอให้ผู้คัดค้านรับผิดชำระดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันยื่นคำร้องนั้น เห็นว่าการเพิกถอนโอนขายที่ดินพิพาทเป็นไปโดยผลของคำสั่งหรือคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือเป็นการโอนโดยชอบอยู่กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยตามขอผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไป
พิพากษากลับว่า ให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 899 และ 116 ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านและให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิม ถ้าไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 265,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษานี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่กองทรัพย์สินของจำเลย

Share