แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยและริบแร่ของกลางจำเลยได้ชำระค่าปรับแล้วในระหว่างอุทธรณ์จำเลยตายดังนี้ ผู้จัดการมฤดกของจำเลยหมดความชอบธรรมที่จะร้องขอเงินค่าปรับและแร่ของกลางคืน
(หมายเหตุ เรื่องนี้มารดาจำเลยเคยร้องขอรับมฤดกความครั้งหนึ่งแล้วตามฎีกาที่ 1685/2479)
ย่อยาว
จำเลยกระทำผิด พ.ร.บ. จำกัดแร่ดีบุกศาลชั้นต้นปรับ ๕๐๐ บาท และริบแร่ของกลางโจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์ในระหว่างจำเลยตาย ป.ยื่นคำร้องขอรับมฤดกความ ศาลฎีกาสั่งว่าคดีเป็นอันระงับไปด้วยมรณะของจำเลยไม่ยอมให้ ป.รับมฤดกความ
บัดนี้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมฤตกของจำเลยยื่นคำร้องขอคืนค่าปรับและแร่ของกลาง
ศาลฎีกาตัดสินว่า ตามกฎหมายอาญา ม.๗๗ ความชอบธรรมที่จะฟ้องร้องผู้ใดหรือที่จะลงอาญาแก่ผู้ใด ย่อมระงับด้วยมรณะภาพของผู้นั้น เรื่องนี้มีปัญหาว่าโทษปรับได้ลงแก่จำเลยแล้วหรือยัง เพราะกฎหมายห้ามฉะเพาะแก่อาญาที่จะลงแก่จำเลย คดีนี้จำเลยได้นำค่าปรับมาชำระแล้ว แต่จำเลยตายเสียในระหว่างอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นและเงินค่าปรับที่เสียไว้แล้วต้องนับว่ายุตติผู้ร้องไม่มีความชอบธรรมจะมาขอรับคืน ส่วนแร่ของกลางนั้นเมื่อศาลได้พิพากษาให้ริบแร่นั้นแล้ว แร่นั้นย่อมตกเป็นของหลวง ผู้ร้องหมดความชอบธรรมที่จะขอรับคืนไปเช่นเดียวกับค่าปรับ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องนั้นเสีย