คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ขอจับจองที่ดินและมีไบเหยียบย่ำเปนหลักถานย่อมมีสิทธิที่เข้าครอบครองดีกว่าผู้ที่เข้าครอบครองพายหลังโดยพลการและไช้สิทธิโดยไม่สุจริต อ้างดีกาที่ 178/2485

ย่อยาว

ได้ความว่าเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๑ ภริยาโจทได้ยื่นเรื่องราวขอจับจองที่พิพาทต่ออำเพอโดยไนเวลานั้นที่พิพาทนี้เปนที่รุกร้างว่างเปล่า อำเพอเพิ่งออกไบเหยียบย่ำไห้ภริยาโจทเมื่อวันที่ ๔ พรึสจิกายน ๒๔๘๓ จำเลยเข้าทำคันนาปลูกขนำและทำนาไนที่พิพาทแต่ต้นปี พ.ส. ๒๔๘๒ และทำเรื่อยมาจนบัดนี้
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาขับไล่จำเลยไห้ออกจากที่พิพาทพายไน ๑ เดือน
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์ฟังว่าแม้ภริยาโจทจะขอจับจองก่อนแล้วได้รับไบเหยียบย่ำก็เปนเวลาพายหลังที่จำเลยได้สิทธิครอบครองไปเสียแล้ว จึงพิพากสากลับไห้ยกฟ้องโจท แต่มีผู้พิพากสานายหนึ่งเห็นแย้งว่าควนพิพากสายืน
โจทดีกา สาลดีกาพร้อมกันปรึกสาเห็นว่าที่แปลงนี้ขนะภริยาโจทร้องขอจับจองเปนที่รกร้างว่างเปล่า มิได้มีผู้ไดครอบครอง ไนระหว่างรอรับไบเหยียบย่ำหยู่นี้จำเลยได้เข้าครอบครองทำที่โดยพลการ ทั้ง ๆ ที่รู้หยู่แล้วว่าภริยาโจทได้จับจองไว้ เปนที่เห็นได้ว่าจำเลยไช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังที่บัญญัติไว้ไนป.พ.พ.ม. ๕ ฉะนั้นจำเลยจะยกสิทธิอันไม่สุจริตของตนนี้มาไช้ยันโจทผู้ได้ร้องขอจับจองโดยถูกต้องตามทางการไม่ได้ ดังนัยคำพิพากสาดีกาที่ ๑๗๘/๒๔๘๕ จึงพิพากสากลับสาลอุธรน์ ไห้บังคับคดีตามคำพิพากสาสาลชั้นต้น.

Share