แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ไม้สี่เหลี่ยมโตขนาด 3 นิ้วยาว 1 ศอก ตีผู้ตายที่ขมับและแง่ศรีษะ 3-4 ทีโดยแรงถึงเยื่อกะโหลกศรีษะแตก 3 แห่ง และเมื่อผู้ตายล้มลงไปแล้วยังตีซ้ำอีก ดังนี้ ถือว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามมาตรา 249
จำเลยที่ให้การรับสารภาพต่อศาลในชั้นแรกแม้จะกลับต่อสู้ภายหลังหากคำรับในชั้นแรกนั้น เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล ก็ปราณีลดโทษให้จำเลยได้ตามมาตรา 59
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยถือไม้จริงสี่เหลี่ยมโตขนาด ๓ นิ้ว ยาว ๑ ศอกไปถามหาผู้ตายซึ่งกำลังตำข้าวเม่าอยู่ว่า รู้เรื่องน้องสาวจำเลยทะเลาะกับหญิงมีชื่อเรื่องชู้สาวไหม ผู้ตายว่า ไม่รู้ จำเลยก็ต่อว่าผู้ตายแล้วเกิดโต้เถียงกัน, จำเลยใช้ไม้นั้นตีผู้ตาย ๓-๔ ที ผู้ตายล้มลง จำเลยยังตีซ้ำอีก ไม้ที่ตีหักเป็น ๓ ท่อน ผู้ตายมีแผลถูกตีที่เหนือขมับซ้ายกับที่แง่ศรีษะซ้าย ๒ แห่งลึกถึงเยื่อกะโหลกศรีษะแตกทั้ง ๓ แผล และมีรอยฟกช้ำที่ขมับซ้ายอีก ๑ แห่ง อยู่ได้ ๒ วันก็ถึงแก่ความตาย โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙ ชั้นแรกจำเลยรับสารภาพ เมื่อสืบพะยานโจทก์แล้วจำเลยกลับให้การเพิ่มเติมว่า ทำร้ายผู้ตายเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทำร้ายถึงตายเพราะวิวาทกับผู้ตาย ให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน โดยลดกึ่งหนึ่งแล้วตามมาตรา ๒๕๑, ๕๙
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา ๒๔๙ ให้จำคุก ๑๕ ปี ลดที่รับในชั้นต้นเพราะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มากตามมาตรา ๕๙ เสีย ๕ ปี คงจำคุก ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นฝ่ายทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว และได้ความดังกล่าว เห็นว่าตามกิริยาอาการที่จำเลยกระทำ แสดงว่าจำเลยตีโดยแรง อาจเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าจะทำให้เขาถึงแก่ความตาย เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ที่วางบทและกำหนดโทษจำเลย
พิพากษายืน