แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ในฐานะนายทะเบียนอำเภอคลองใหญ่และจำเลยที่ 2 กระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 รับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีหน้าที่รับจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ตรงข้ามกลับได้ความว่าจำเลยที่ 1เท่านั้นที่เป็นนายทะเบียนมีหน้าที่รับจดทะเบียนสมรส ตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีหน้าที่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 จดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์ทั้งสองได้
ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสองนั้น ได้ความว่าโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อจำเลยที่ 1 นายชุมพลเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้บันทึกถ้อยคำของโจทก์ที่ 2ไว้แต่ไม่ปรากฏว่าได้บันทึกสอบถามเรื่องคุณสมบัติของโจทก์ที่ 2 อันเป็นเงื่อนไขแห่งการสมรสตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งมาแต่ประการใด กลับมีบันทึกสั่งการในตอนท้ายว่าให้สอบเพิ่มเติมว่า โจทก์ที่ 2 เข้ามาในอำเภอคลองใหญ่เพราะสาเหตุอันใด และโจทก์ที่ 2 มีอาชีพอะไร มีรายได้เท่าใด เมื่อเริ่มอพยพเข้ามาครั้งแรกรู้จักใครบ้างข้อความเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นได้ชัดถึงเหตุผลในการไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสองของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น เพราะแม้แต่ในฎีกาของจำเลยเองก็ยังอ้างว่าโจทก์ที่ 2 มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนที่จะรับจดทะเบียนสมรสให้ได้ ซึ่งแสดงถึงการปฏิเสธของจำเลยที่ 1 อยู่ในตัวเอง โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับจดทะเบียนสมรสของโจทก์ทั้งสองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อจำเลยที่ 1 ในฐานะนายทะเบียนอำเภอคลองใหญ่ แต่จำเลยที่ 1 ปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 รับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่จดทะเบียนสมรสให้เพียงแต่โจทก์ยังไม่ได้รับการตรวจสอบคุณสมบัติตามเงื่อนไขให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะการจดทะเบียนสมรสเป็นอำนาจของจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 รับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีหน้าที่รับจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ตรงข้ามกันได้ความว่าจำเลยที่ 1 เท่านั้นเป็นนายทะเบียนมีหน้าที่รับจดทะเบียนสมรส ตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีหน้าที่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 จดทะเบียนสมรสให้แก่โจทก์ทั้งสองได้ตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองฎีกาอีกว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสอง เพียงแต่จำเลยที่ 1 อยู่ในระหว่างตรวจคุณสมบัติของโจทก์ทั้งสองเพิ่มเติมโดยสั่งให้โจทก์ที่ 2 นำบิดามารดามาสอบเพิ่มเติม แต่ได้ความว่า เมื่อโจทก์ทั้งสองไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสต่อจำเลยที่ 1 นั้น นายชุมพล ทรัพย์ประสพเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้บันทึกถ้อยคำของโจทก์ที่ 2 ไว้ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1 แต่ไม่ปรากฏว่านายชุมพลได้มีบันทึกสอบถามเรื่องคุณสมบัติของโจทก์ที่ 2 อันเป็นเงื่อนไขแห่งการสมรสตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งมาแต่ประการใด จึงเห็นได้ชัดว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้สงสัยในคุณสมบัติของโจทก์ที่ 2 ตามที่ฎีกา แต่เห็นได้ชัดตามบันทึกท้ายเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งเป็นบันทึกของนายชุมพลถึงจำเลยที่ 1 และมีบันทึกสั่งการตอนท้ายว่าให้สอบเพิ่มเติมว่าโจทก์ที่ 2 เข้ามาในอำเภอคลองใหญ่เพราะสาเหตุอันใด และโจทก์ที่ 2 มีอาชีพอะไรมีรายได้เท่าใด เมื่อเริ่มอพยพเข้ามาครั้งแรกรู้จักใครบ้าง ข้อความเหล่านี้ล้วนแสดงถึงเหตุผลในการไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสให้โจทก์ทั้งสองของจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นส่วนที่จำเลยที่ 1 จะได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือให้โจทก์ทั้งสองเซ็นรับทราบการปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสหรือไม่ก็เป็นเรื่องภายในของจำเลยที่ 1 เอง แม้จะไม่มีการปฏิบัติดังกล่าวก็หาทำให้การปฏิเสธของจำเลยที่ 1 กลายเป็นไม่ปฏิเสธไปไม่เพราะแม้แต่ในฎีกาของจำเลยเองยังอ้างว่า โจทก์ที่ 2 มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนที่จะรับจดทะเบียนสมรสให้ได้ ซึ่งแสดงถึงการปฏิเสธของจำเลยที่ 1 อยู่ในตัวเอง โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับจดทะเบียนสมรสของโจทก์ทั้งสองได้ตามฟ้อง
พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2