แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกรวมห้าคนปรึกษากันว่าจะไปปล้นรถจักรยานยนต์เป็นการสมคบกันเพื่อกระทำความผิด และการกระทำความผิดที่สมคบกันเพื่อจะไปกระทำนั้นเป็นการปล้นทรัพย์ อันเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 แห่ง ป.อ. ซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานช่องโจรตาม ป.อ. มาตรา 210วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 7 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 210, 371พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526มาตรา 4 ให้ริบของกลางกับให้นับโทษจำเลยทั้งสี่ในคดีนี้ต่อจากคดีอาญหมายเลขแดงที่ 1153/2531 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 วรรคสอง จำคุกคนละ 6 ปี และจำเลยที่ 2 ผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก,72 วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ลงโทษฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปีรวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 9 ปี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4มีกำหนดคนละ 4 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี ของกลางริบ ข้อหาอื่นให้ยก ให้นับโทษจำเลยทั้งสี่ต่อจากโทษจำเลยทั้งสี่แต่ละคนในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1153/2531 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายในความผิดฐานซ่องโจรเท่านั้น ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎกีาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 กับพวกซึ่งมีจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 แและที่หลบหนีไปอีก 1 คน ปรึกษากันว่าจะไปปล้นรถจักรยานยนต์ที่สันเขื่อนกระเสียว โดยใช้รถคันสีเหลืองดูต้นทาง คันสีแดงทำการปล้นเห็นว่า การที่จำเลยที่ 2 กับพวกปรึกษากันดังกล่าวนั้น เป็นการสมคบกันเพื่อกระทำความผิด และการกระทำความผิดที่สมคบกันเพื่อจะไปกระทำนั้นเป็นการปล้นทรัพย์ อันเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปและจำนวนผู้ที่ปรึกษากันนั้นมีจำเลยทั้งสี่กับพวกที่หลบหนีไปอีก 1คน จึงเป็นการสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป การกระทำของจำเลยที่ 2จึงเป็นความผิดฐานซ่องโจรต้องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210 วรรคสอง…”
พิพากษายืน.