คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เกี่ยวกับการกระทำผิดในคดีอาญาเล่นการพนันสลากกินรวบโจทก์บรรยายฟ้องว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ตลอดจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2496 เวลากลางวันและกลางคืนแม้จะกล่าวเป็นเป็นเวลานานถึง 9 เดือนก็ตาม จำเลยก็พอเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดีแล้ว นอกจากนั้นโจทก์ยังได้ยืนยันกล่าวว่าจำเลยได้ขายสลากประจำวันที่ 30 กันยายน 2496 อีกด้วย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
และในฟ้องของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดในคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์สืบได้สม แม้โจทก์มิได้อ้าง ก.ม.อาญา ม.63 ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งหมดฐานเป็นตัวการได้ ไม่เป็นการพิจารณาเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าระหว่างตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ตลอดจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๔๙๖ เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยที่ ๒-๗ ได้บังอาจจัดให้การเล่นการพนันสลากกินรวบ ฯลฯ นายแดงจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เข้าเล่นด้วย โดยซื้อสลากจากจำเลยที่ ๒ ถึง ๗ ทั้งนี้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ ม.๑๒ พ.ร.บ.การพนัน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๔๘๕ ม.๓,๔
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ ถึง ๗ ปฏิเสธ
ในระหว่างพิจารณานายแดงจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้ศาลแยกตัดสิน ศาลชั้นสั่งให้โจทก์แยกฟ้องนายแดงเป็นอีกสำนวนหนึ่ง เมื่อแยกฟ้องแล้วศาลสั่งจำหน่ายคดีนายแดงออกจากสำนวนนี้
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ ได้สมคบกันจัดขายสลากกินรวบโดยมิได้รับอนุญาตจริง พิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ มีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ ม.๑๒ ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมให้จำคุกคนละ ๖ เดือน ปรับคนละ ๒๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับนายหวาง นายมาลา และนายผา จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ นอกนั้นคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๗ ฎีกาเฉพาะจำเลย ศาลสั่งรับในปัญหาข้อ ก.ม.ข้อ ๒
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยที่ ๔ ได้มีส่วนจัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้องโจทก์จริง ส่วนจำเลยที่ ๕ ที่ ๖ เห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอชี้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
ส่วนปัญหาข้อ ก.ม. ที่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓และที่๗ ยกขึ้นฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะกล่าวเวลายาวนานถึง ๙ เดือนนั้น เห็นว่าโจทก์ได้กล่าวถึงเวลาพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีเพราะทั้งยังได้ยืนยันกล่าวว่าจำเลยได้ขายสลากประจำวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๔๙๖ อีกด้วย ชอบด้วย ป.วิ.อาญา ม.๑๕๘ (๕) แล้ว
ส่วนข้อที่อ้างว่าโจทก์ไม่ได้อ้าง ก.ม.อาญา ม.๖๓ ศาลควรลงโทษสูงต่ำลดหลั่นกันตามพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ควรลงโทษจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๗ ทุกคนฐานเป็นตัวการดังที่ศาลล่างลงโทษมาเพราะเป็นการเกินคำขอของโจทก์นั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์แสดงว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการกระทำผิดคดีนี้ แม้โจทก์มิได้อ้าง ก.ม.อาญา ม.๖๓ ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการได้ไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนฎีกาข้อ (๓) นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม.๒๑๘
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะตัวนายหวางจำเลยที่ ๔ เป็นให้วางบทกำหนดโทษนายหวางจำเลยที่ ๔ เช่นเดียวกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๗ นอกจากนี้คงบังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share