คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ม.28 แห่ง พ.ร.บ. ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 บัญญัติให้ผู้ใหญ่บ้านท้องที่มีอำนาจและหน้าที่การงานในเขตท้องที่ของตน และ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2486 ม.6 เพิ่มหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านเข้าไว้อีกตาม ข้อ 18 ว่า ” ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของกำนันหรือทางราชการฯ” ประกอบกับคำปลัดอำเภอพยานโจทก์ว่า ผู้ใหญ่บ้านทุกคนมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในท้องที่ของตนและต้องรายงานให้อำเภอทราบ
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านจึงเป็นเจ้าพนักงานท้องที่ตาม ก.ม.เมื่อพาผู้ต้องหาในคดีลักและฆ่ากระบือไปส่งอำเภอ ระหว่างทางจำเลยจัดการให้ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเลิกคดีกันโดยผู้ต้องหายอมใช้ราคาค่าเสียหาย จำเลยปล่อยผู้ต้องหาโดยจัดหาสัญญาประนีประนอมให้เลิกคดีกัน ปิดข้อเท็จจริงเรื่องลักทรัพย์และฆ่ากระบือเป็นเรื่องทำให้เสียทรัพย์โดยไม่เจตนา คือปิดข้อเท็จจริงซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินที่ไม่มีทางเลิกกันได้ให้เป็นความผิดส่วนตัวที่เลิกกันได้ตามกฎหมาย เช่นนี้จำเลยได้ชื่อว่ากระทำการอันไม่ควรกระทำและมีเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิดไม่ให้ต้องรับโทษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตาม ก.ม. อาญา ม. 142

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับราชการเป็นผู้ใหญ่บ้าน จำเลยมีหน้าที่ควบคุมตัวนายลพซึ่งต้องหาว่าลักกระบือของนายแสงและมีหน้าที่ต้องรักษาทรากกระบืออันเป็นสักชีพยานไว้เป็นของกลางเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนอำเภอเมืองเลย และมีหน้าที่รายงานคดีเรื่องนี้ให้พนักงานสอบสวนทราบ แต่จำเลยได้เพทุบายกระทำการที่ไม่ควรทำโดยปล่อยนายลพ กับพวกไปและเอาทรากกระบือแจกจ่ายกันระหว่างพวกจำเลยไม่ส่งผู้ต้องหาและของกลางให้พนักงานสอบสวนและไม้รายงานให้พนักงานสอบสวนทราบโดยมีเจตนาจะช่วยผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญาตาม ก.ม. เพราะจำเลยมีหน้าที่สืบเสาะคดีที่มีความผิดต่อ ก.ม. ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม. ๑๔๒,๑๕๔
จำเลยรับว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านได้คุมตัวนายลพกับพวกมาครึ่งทาง นายลพกับพวกยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายผู้เสียหายก็ยอม จำเลยจึงทำหนังสือประนีประนอมยอมความไม่เอาเรื่องกัน ซึ่งจำเลยเข้าใจว่ามีอำนาจทำได้ หาใช่มีเจตนาทุจริตต่อหน้าที่ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ ปี
่จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่เพียงแต่แจ้งเหตุที่เกิดขึ้นต่อกำนันนายตำบลเท่านั้น และเมื่อจับผู้กระทำผิดได้ก็ต้องนำส่งกำนัน หามีบทบัญญัติให้จำเลยนำส่งต่อเจ้าพนักงานสอบสวนไม่เว้นแต่จะมีคำสั่งตามหน้าที่ราชการให้จำเลยทำเช่นนั้น แต่ข้อเท็จจริงในคดีไม่ปรากฎว่า กำนันหรืออำเภอได้สั่งให้จำเลยนำผู้ต้องหาไปส่งอำเภอหรือพนักงานสอบสวนจำเลย จึงไม่มีหน้าที่ตาม ก.ม. ที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งหรือรายงานต่อเจ้าพนักงานสอบสวนดังโจทก์ฟ้อง ข้อเท็จจริงที่ได้ความมายังไม่พอจะถือว่าจำเลยมีหน้าที่ตาม ก.ม.อาญาม. ๑+ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๓๗/๒๔๘๒,๘๖๘/๒๔๙+ พิพากษายกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลย
โจทก์ฎีกาว่าหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านจะต้องรายงานคดีที่เกิดขึ้นให้กรมการอำเภอทราบ แม้จะไม่มีระบุไว้ชัดแจ้งใน พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ แต่ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับ ๒ ) ๒๔๘๖ ม.๖ ได้เพิ่มหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านเข้าไว้อีกตามข้อ ๑๘ ว่า “ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของกำนันหรือทางราชการฯลฯ” ตามคำให้การของจำเลยเป็นการยอมรับโดยชัดแจ้งว่าจำเลยมีหน้าที่จับกุมนายลพกับพวกส่งพนักงานสอบสวนและได้ความจากนายสมปลัดอำเภอพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่าผู้ใหญ่บ้านทุกคนมีหน้าที่รายงานคดีที่เกิดขึ้นให้กรมการอำเภอทราบ คดีของโจทก์ควรฟังว่าจำเลยมีหน้าที่ตามฟ้องของโจทก์ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๒/๒๔๙๕ คดีระหว่างอัยการอุดรธานี โจทก์ นายกอง จำเลย จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับมอบหมายนายลพกับพวกจากผู้เสียหายซึ่งผู้เสียหายกับพวกจับมามอบโดยกล่าวหานายลพกับพวกลักและฆ่ากระบือ ๑ ตัวของผู้เสียหายพร้อมด้วยทรากกระบือของกลาง จำเลยนำตัวผู้เสียหายไปส่งอำเภอ เมื่อพาไประหว่างทาง จำเลยจัดการให้ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเลิกคดีกันผู้ต้องหาไปไม่ส่งอำเภอโดยจำเลยจัดการทำสัญญาประนีประนอมให้เลิกคดีต่อกัน ปิดผันข้อเท็จจริงเรื่องลักกระบือเป็นเรื่องทำให้เสียทรัพย์โดยไม่เจตนาเป็นเรื่องว่าผู้ต้องหาไปล่าสัตว์ป่า และเห็นตากระบือเป็นตาสัตว์ป่าจึงยิงไปถูกกระบือของผู้เสียหายตาย ผู้ต้องหาจึงยอมให้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายเป็นเงิน ๓๐๐ บาทนั้น
ม. ๑๔๒ บัญญัติว่า ” เจ้าพนักงานคนใดท่านใช้ให้มีหน้าที่สืบเสาะไต่สวนหรือฟ้องร้องคดีที่มีความผิดต่อพระราชกำหนดกฎหมาย และมันเพทุบายกระทำการที่ไม่ควรจะกระทำหรือเว้นการที่ไม่ควรเว้น ด้วยเจตนาจะช่วยผู้ผิดมิให้ต้องรับอาญาตาม ก.ม.ไซร้ ท่านว่ามันมีความผิด ฯลฯ ”
และ ม. ๒๘ แห่ง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ซึ่งบัญญัติให้ผู้ใหญ่บ้านท้องที่มีอำนาจและหน้าที่การงานในเขตท้องที่ของตนและ พ.ร.บ. ปกครองท้องที่ (ฉบับ ๒) พ.ศ. ๒๔๘๖ ม.๖ เพิ่มหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านเข้าไว้อีกตาม ข้อ ๑๘ ว่า” ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของกำนัน หรือทางราชการ ฯลฯ ” ประกอบกับคำปลัดอำเภอพยานโจทก์ว่าผู้ใหญ่บ้านทุกคนมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในท้องที่ของตนและต้องรายงานให้อำเภอทราบดังนี้ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปกครองท้องที่ตาม ก.ม. กับจัดการปล่อยผู้ต้องหาให้พ้นจากความผิดไปโดยทำสัญญาเลิกคดีอาญาแผ่น ปิดผัดข้อเท็จจริงให้เป็นเรื่องความผิดต่อส่วนตัวซึ่งเลิกคดีกันได้ตามกฎหมาย แต่ความจริงมิใช่เป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่มีทางเลิกได้ จำเลยกระทำการที่ไม่ควรกระทำเช่นนี้ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับโทษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตาม ม.๑๔๒
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share