คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ร่วมไปจัดการขายที่ดิน แต่เป็นหนังสือมอบอำนาจที่ใช้ไม่ได้. เนื่องจากมีรอยขีดฆ่า และไม่ได้เซ็นชื่อกำกับข้อความเกี่ยวกับการรับเงิน ถือว่าหนังสือมอบอำนาจนี้ยังเป็นเอกสารของจำเลยอยู่ แม้จะได้มอบให้โจทก์ร่วมยึดถือไว้ ก็เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับดำเนินการไปตามที่มอบอำนาจเท่านั้น แต่เมื่อการมอบอำนาจของจำเลยไม่เป็นผล หนังสือมอบอำนาจนั้นก็เป็นอันหมดประโยชน์แก่โจทก์ร่วมแล้วจำเลยผู้เป็นเจ้าของย่อมจะฉีกหรือทำลายเสียได้ การที่จะอ้างว่าที่จำเลยฉีกทำลายเสียทำให้โจทก์ร่วมไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานว่าจำเลยได้ขายที่ดินคืนให้โจทก์ร่วมแล้ว ทำให้โจทก์ร่วมเสียหายนั้นหาได้ไม่ เพราะแม้ในหนังสือมอบอำนาจนั้นจะมีข้อความถึงการรับเงินด้วย ก็อาจใช้ยันจำเลยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่รับรองว่าถูกต้อง เรื่องการรับเงินความจริงเป็นอย่างไร โจทก์ร่วมย่อมนำสืบในทางแพ่งได้อยู่ หาได้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมไม่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจทำให้เสียหาย ทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหนังสือมอบอำนาจอันเป็นเอกสารสิทธิที่จำเลยมอบให้นางแสงเงิน ดังจิตร เป็นผู้มีอำนาจจัดการขายที่ดินไว้ โดยจำเลยขอคืนหนังสือดังกล่าวแล้วฉีกทิ้งเสีย เป็นเหตุให้นางแสงเงินดังจิตร ทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินไม่ได้ เกิดความเสียหายแก่นางแสงเงิน ดังจิตร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188

จำเลยให้การปฏิเสธ

นางแสงเงิน ดังจิตร ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลสั่งอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188จำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ทำหนังสือมอบอำนาจตามฟ้องให้โจทก์ร่วม แต่เป็นหนังสือมอบอำนาจแต่เป็นหนังสือมอบอำนาจที่ใช้ไม่ได้เนื่องจากมีรอยขีดฆ่า และไม่ได้เซ็นชื่อกำกับข้อความเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งจะต้องทำเสียใหม่ให้ถูกต้อง กรณีเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าหนังสือมอบอำนาจยังคงเป็นเอกสารของจำเลยอยู่ แม้จะได้มอบให้โจทก์ร่วมเอาไปยึดถือก็เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับดำเนินการไปตามที่มอบอำนาจเท่านั้น แต่เมื่อการมอบอำนาจไม่เป็นผล หนังสือมอบอำนาจนั้นเป็นอันหมดประโยชน์แก่โจทก์ร่วมแล้วจำเลยย่อมจะฉีกหรือทำลายหนังสือนั้นเสียก็ได้ เพราะเป็นเจ้าของหนังสือฉบับนั้น ข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยฉีกทำลายเสีย ทำให้โจทก์ร่วมไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานว่าจำเลยได้ขายที่ดินกับบ้านคืนให้โจทก์แล้ว ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมนั้นแท้จริงแล้ว ถึงแม้ในหนังสือมอบอำนาจจะมีข้อความถึงการรับเงินด้วยก็อาจใช้ยันจำเลยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่รับรองความถูกต้องแห่งเอกสารเช่นว่านั้น การรับเงินค่าที่ดินและบ้านจะเป็นความจริงเพียงไรโจทก์ร่วมย่อมนำสืบถึงพฤติการณ์ในทางแพ่งได้อยู่ หาได้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมอย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ดังโจทก์ฟ้อง ศาลล่างทั้งสองชี้ขาดต้องกันให้ลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share