คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีครรภ์กับผู้เสียหาย แล้วไปต่อว่าผู้เสียหายเรื่องที่ไม่ไปสู่ขอเลี้ยงดูเป็นภรรยาผู้เสียหายพูดโต้ตอบว่า “มึงยอมให้กูเล่นมึงทำไม” ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำที่ข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะเกียรติยศชื่อเสียงอนาคตของลูกผู้หญิงเช่นจำเลย มิใช่เป็นอันขาดลงด้วยการปฏิเสธเฉยๆ ของผู้เสียหายเท่านั้นแต่ผู้เสียหายได้กล่าวถ้อยคำเย้ยหยันทับถมหาว่าจำเลยเป็นคนใจง่ายเข้าด้วย อันเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างไร้ศีลธรรม กรณีต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ที่ศาลจะลงโทษจำเลยให้น้อยลงกว่าอัตราที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ในเมื่อจำเลยได้กระทำลงไปทันใดเพราะการบันดาลโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ไม่บรรลุผล โดยไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ตายสมดังเจตนาของจำเลย แต่ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บทุกขเวทนาประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 80และริบของกลาง

เดิมจำเลยปฏิเสธ ต่อมาได้รับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องเพราะจำเลยเรียกให้ผู้เสียหายหยุดเพื่อจะพูดจากันเรื่องที่จำเลยตั้งครรภ์ ผู้เสียหายว่า “มึงอยากยอมให้กูทำทำไม” แล้วก็เดินหนีไปด้วยความโกรธในทันทีจึงได้ทำผิดลงไป ถ้าหากผู้เสียหายพูดกับจำเลยแต่โดยดี จำเลยก็จะไม่ยิงผู้เสียหาย

โจทก์สืบพยานประกอบคำรับสารภาพของจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า กรณีฟังไม่ได้ถนัดว่าจำเลยได้ไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเรื่องที่จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุที่ไม่เป็นธรรม จำเลยจึงได้กระทำผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 72 จำคุก 2 ปี ลดฐานรับสารภาพตามมาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยจะเรียกว่าจำเลยบันดาลโทสะโดยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่ได้และรูปคดีก็ยังไม่เข้าถึงขั้นไตร่ตรองตามมาตรา 289 ดังฟ้อง คงเป็นเรื่องฆ่าคนโดยเจตนาธรรมดาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ลงโทษจำคุกมีกำหนด 10 ปี จำเลยเป็นหญิง กระทำผิดแล้วรับสารภาพโดยดี ปราณีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 5 ปี นอกจากที่แก้นี้แล้วคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยมีครรภ์กับผู้เสียหาย แล้วไปต่อว่าผู้เสียหายเรื่องที่ไม่ไปสู่ขอเลี้ยงดูเป็นภรรยา ผู้เสียหายพูดโต้ตอบว่า”มึงยอมให้กูเล่นมึงทำไม” ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำที่ข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะเกียรติยศชื่อเสียงอนาคตของลูกผู้หญิงเช่นจำเลยมิใช่เป็นอันขาดลงด้วยการปฏิเสธเฉย ๆ ของผู้เสียหายเท่านั้น แต่ผู้เสียหายได้กล่าวถ้อยคำเย้ยหยันทับถมหาว่าจำเลยเป็นคนใจง่ายเข้าด้วย อันเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างไร้ศีลธรรม กรณีต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ที่ศาลจะลงโทษจำเลยให้น้อยลงกว่าอัตราที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ในเมื่อจำเลยได้กระทำลงไปทันใดเพราะการบันดาลโทสะ

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share