คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพะยานที่เบิกความชั้นศาลมิได้ผูกมัดศาลให้รับฟังทั้งหมด ศาลมีอำนาจชั่งน้ำหนักแล้วชี้ขาดว่าควรฟังแค่ไหนเพียงใดหรือไม่ และคำพะยานชั้นสอบสวนนั้นก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังแต่อย่างใดเลย ฉะนั้นศาลจะฟังหรือไม่เพียงใดก็สุดแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป
พะยานที่ให้การชั้นสอบสวนไว้อย่างหนึ่งภายหลังให้การชั้นศาลไปอีกอย่างหนึ่งนั้น ศาลจะฟังหรือไม่อย่างใดก็สุดแต่ดุลยพินิจของศาล ใช่ว่าในกรณีเช่นนี้ผูกมัดจะให้ศาลต้องรับฟังถ้อยคำของพะยานที่ให้การในชั้นศาลเสมอไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ขวานฟันนายทีถึงตายโดยเจตนาเหตุเกิดตำบลกุดนกเปล้า อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
ศาลชั้นต้นฟังว่าขณะนายทีผู้ตายกอดปล้ำนั่งคร่อมบีบคอจำเลยบนเรือนจำเลยมีนายใสขึ้นไปฟันผู้ตาย ๒ ที และตายเพราะบาดแผลสองแห่งนี้ ส่วนจำเลยเพียงใช้ขวานฟันนายทีผู้ตายไป ๑ ที ขณะถูกนั่งคร่อมบีบคอโดยทางป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา ๕๐ พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยฆ่านายทีโดยเจตนามิใช่ป้องกันตัว พิพากษากลับให้จำคุกจำเลย ๑๕ ปีตามมาตรา ๒๔๙ คำรับชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาปราณีลดโทษให้ตาม ม.๕๙ ลง ๑ ใน ๓ คงจำไว้ ๑๐ ปี ริบขวานของกลาง
จำเลยฎีกา
ที่จำเลยฎีกาในปัญหาวิธีพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกคำพะยานวินิจฉัย จำเลยกล่าวเป็นใจความว่า คดีนี้พะยานโจทก์หุบปากให้การแตกต่างกันคำฟ้องคำสอบสวนทุกกรณี แต่กลับเบิกความต่อหน้าศาลเจือสมคำเบิกความและข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้คำรับสารภาพชั้นสอบสวนแม้จะยึดถือเอามาประกอบการพิจารณาก็ไม่สามารถลบล้างคำเบิกความของพะยานโจทก์ที่ได้สาบานตนแล้วและเบิกความต่อหน้าศาลเป็นถ้อยคำที่กฎหมายรับรองเชื่อถือยิ่งกว่าคำเบิกความชั้นอื่นทั้งสิ้น เพราะพะยานต้องสาบาลตัวก่อนแล้วเบิกความต่อหน้าศาล ต่อหน้าทนายของคู่ความ ต่อหน้าจำเลยพะนายต้องเบิกความตามจริงทั้งสิ้น คำให้การชั้นสอบสวนถ้ามองไปในทางไม่ดีแล้วจะเห็นว่าผู้สอบสวนบางคนก็ทำงานโดยความรู้ความจริง ความละเอียดบางคนก็ตรงกันข้าม และอาจจะไปตามอารมณ์ก็ได้ และไม่มีการซักค้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้อยคำชั้นสอบสวนหาควรเชื่อถือมาเป็นหลักการวินิจฉัยในคดีได้ไม่
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำพะยานที่เบิกความในศาลนั้นมิได้ผูกมัดศาลให้รับฟังหมด ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจชั่งน้ำหนัดคำพะยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนว่าข้อไหนควรฟังได้หรือไม่เพียงใดแล้วรวบรวมมาสู่การวินิจฉัยชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร (ป.วิ.อาญา ม.๒๒๗) ส่วนคำชั้นสอบสวนนั้นก็ไม่มีบัญญัติห้ามว่ามิให้รับฟังเป็นข้อประกอบการพิจารณาของศาล จะฟังได้เพียงไรหรือไม่นั้นสุดแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป
ตามที่ศาลอุอทธรณ์หยิบยกคำพะยานขึ้นวินิจฉัยมาโดยละเอียดและแจ่มแจ้งนั้น มีเหตุผลส่อแสดงออกชัดว่าที่พะยานโจทก์มาแปรเปลี่ยนเพิ่มเติมขึ้นภายหลัง(ชั้นศาล)ว่ามีคนอื่น (นายใส) ขึ้นไปฟันนายทีตายนั้น เชื่อถอมิได้เลย ควรตัดออกไป ส่วนคำพะยานชั้นสอบสวนของจำเลยก็ดี ของพะยานโจทก์ก็ดี เห็นว่าคดีนี้มีเหตุผลคล้อยกับพฤติการณ์คำพะยานหลักฐานในคดีที่ศาลอุทธรณ์แยกแยะออกฟังได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายสองต่อสอง ไม่มีใครอื่นมาช่วย และฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันตัว พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share