แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ละทิ้งหน้าที่เข้าไปนั่งคุยและนอนคุยในห้องปรับอากาศเป็นความผิดตามข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน ข้อ 7.5 ที่ว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยัน ไม่เอาเวลาของการทำงานไปคุยทำให้เสียหายแก่นายจ้างและข้อ 7.6 ที่จะต้องไม่หยอกล้อเล่นกันในเวลาทำงาน และไม่หลับนอนในระหว่างการทำงาน แต่ตามข้อบังคับหรือระเบียบดังกล่าวมิได้กำหนดว่าเป็นกรณีร้ายแรงอันจะเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องตักเตือนเป็นหนังสือก่อน จึงจะถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงไม่ได้ กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 (3) ส่วนจะเป็นความผิดตามข้อบังคับหรือระเบียบ ฯ ข้ออื่นหรือไม่ คำสั่งเลิกจ้างหาได้ระบุความผิดดังกล่าวไว้ไม่ จึงไม่มีประเด็นสำหรับความผิดนั้นและไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งห้าเป็นลูกจ้างของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าโดยไม่มีความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างค้างจ่ายและเงินประกันการเข้าทำงานพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าสำนวนให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าเพราะโจทก์ทั้งห้าร่วมกับลูกจ้างอื่นของจำเลยเล่นการพนันในสถานที่ทำงานในระหว่างเวลาทำงาน และละทิ้งหน้าที่แอบไปนอนหลับในสถานที่ทำงาน เป็นการประพฤติผิดข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินทุกสำนวนตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งห้ากับพวกละทิ้งหน้าที่ไปนั่งคุยนอนคุยกันในห้องปรับอากาศเป็นเวลาประมาณ ๒๕ นาทีแต่ไม่ฟังว่าโจทก์ทั้งห้าเล่นการพนัน เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย แต่ไม่เป็นกรณีที่ร้ายแรงสมควรต้องเตือนเป็นหนังสือก่อนจึงจะเลิกจ้างได้ โจทก์ที่ห้าเป็นลูกจ้างทดลองงานถูกเลิกจ้างในระหว่างทดลองงานไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย การกระทำของโจทก์ทั้งห้าเป็นการละเลยไม่นำพาต่อระเบียบข้อบังคับเป็นอาจิณจำเลยเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ที่ ๑ – ๔ และค่าจ้างค้างจ่ายกับเงินประกันแก่โจทก์ทั้งห้าพร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งห้าสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า กรณีของโจทก์ทั้งห้านี้เป็นความผิดตามข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๗.๕ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยัน ไม่เอาเวลาของการทำงานไปคุยทำให้เสียหายแก่นายจ้าง และข้อ ๗.๖ ที่จะต้องไม่หยอกล้อเล่นกันในเวลางาน และไม่หลับนอนในระหว่างการทำงาน แต่ตามข้อบังคับหรือระเบียบดังกล่าวก็มิได้กำหนดว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรง อันจะเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องตักเตือนเป็นหนังสือก่อน เมื่อข้อบังคับหรือระเบียบ ฯ เป็นไปตามที่กล่าว จึงจะถือว่าการกระทำของโจทก์ทั้งห้าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงตามที่จำเลยอุทธรณ์มิได้ กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ๔๗ (๓) ส่วนที่จะเป็นความผิดตามข้อบังคับหรือระเบียบ ฯ เอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๑๑.๒ ๑) ในข้อทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง ๒) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย และ ๗) เสพของมึนเมาหรือเล่นการพนันอันมีโทษถึงขั้นไล่ออกนั้น เห็นว่า ตามคำสั่งเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.๔ หาได้ระบุความผิดตามข้อ ๑๑.๒ ๑) และ ๒) ไว้ไม่ คดีไม่มีประเด็นสำหรับความผิดสองข้อนั้น ไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ประการนี้ ส่วนความผิดตามข้อ ๑๑.๒ ๗) นั้นศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ทั้งห้าไม่ได้เล่นการพนัน จึงจะปรับการกระทำของโจทก์ทั้งห้าด้วยข้อ ๑๑.๒๗) มิได้
พิพากษายืน.