แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาทต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาและมีคำสั่งในคำร้องขอทุเลาการบังคับว่า ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจึงไม่รับคำร้อง
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2 ง. เกี่ยวกับเรื่องอายุความฟ้องร้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของ ประชาชนและมีสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาข้อ 2 ง. และคำร้องขอทุเลาการบังคับ ของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 132)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยไปจดทะเบียน แบ่งแยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์พิพาท เนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 49 ตารางวา ออกเป็น 6 ส่วน และจดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ 1 ส่วน หากจำเลยไม่ยินยอม ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดนำเงินที่ขายได้แบ่งออกเป็น 6 ส่วน โดยแบ่งให้แก่โจทก์ 1 ส่วน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกาและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 126,124)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 129)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ที่จำเลยอ้างว่าตามฎีกา ของจำเลย ข้อ 2 ง. เกี่ยวกับอายุความ เป็นปัญหา ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และมีสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัยนั้น ข้ออ้างเป็นปัญหา ข้อกฎหมายของจำเลย ย่อมต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อวินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงที่ยุติและต้องห้าม ฎีกาเพื่อสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ตามฎีกาของจำเลย จึงมีผลอย่างเดียวกันกับฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้าม ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง