คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ยักยอก (ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) ++
++
++ ทดสอบการทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++ ย่อข้อกฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ
++ ขอชุดตรวจได้ที่งานย่อข้อกฎหมายระบบ CW โถงกลางชั้น 3 ++
++
++
จำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลในข้อหาละเมิดและเรียกค่าเสียหายระหว่างพิจารณา ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวโดยให้จำเลยจัดการเก็บเงินค่าเช่าอาคาร ร้านค้าและแผงลอยในตลาดของโจทก์แล้วนำเงินมาวางศาลทุกเดือนจำเลยได้เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยในตลาดแล้วไม่นำไปวางศาล แต่เงินค่าเช่าที่จำเลยรับไว้ดังกล่าวยังไม่เป็นเงินของโจทก์ ดังนั้นไม่ว่าจำเลยจะได้เบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริตหรือไม่ ก็ไม่อาจเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ได้โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีจำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้างทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บเงินของจำเลยที่ ๑ กรณีสืบเนื่องมาจากในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๕๖๖/๒๕๔๐ ของศาลแพ่ง ซึ่งมีโจทก์และจำเลย (ที่ถูกจำเลยที่ ๑) เป็นคู่ความกัน ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยให้จำเลยที่ ๑ เก็บเงินค่าเช่าอาคาร ร้านค้าแผงลอย ในตลาดปัฐวิกรณ์ของโจทก์ ทำบัญชีการเก็บเงิน พร้อมทั้งส่งเงินที่เก็บได้ไปวางไว้ที่ศาลแพ่งเพื่อประกันความเสียหายจนกว่าจะเสร็จคดีดังกล่าว ต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๑ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเก็บเงินค่าเช่าจากพ่อค้าแม่ค้าที่เช่าทำการค้าขายในตลาดปัฐวิกรณ์ตามคำสั่งศาลรวมเป็นเงิน๑๑,๕๖๕ บาท จำเลยที่ ๑ มีหน้าที่นำเงินจำนวนดังกล่าวไปวางไว้ที่ศาล แต่จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันยักยอกเบียดบังเงินค่าเช่าที่เก็บได้ดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน หาได้นำไปวางไว้ที่ศาลตามคำสั่งไม่ เงินจำนวนดังกล่าวนี้ฝ่ายชนะคดีจะเป็นผู้รับไปทั้งหมดการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะหากโจทก์ชนะคดีก็จะไม่ได้รับเงินจำนวนนี้ เหตุเกิดที่แขวงคลองกุ่มเขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒, ๓๕๓, ๓๕๔, ๘๓, ๘๔
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่า คดีนี้ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามได้เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยจากพ่อค้าและแม่ค้าบนที่พิพาทจำนวน ๑๑,๕๖๕ บาท แล้วไม่นำมาวางศาลตามคำสั่งศาลแพ่งเท่านั้น จำเลยทั้งสามมิได้ครอบครองเงินจำนวนดังกล่าวไว้แทนโจทก์คดีนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสามหาเป็นความผิดฐานยักยอกไม่ คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เงินค่าเช่าตามฟ้องมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แต่จะตกได้แก่คู่ความผู้ชนะคดีในคดีแพ่งหมายเลขดำที่๖๕๖๖/๒๕๔๐ ของศาลแพ่งเมื่อคดีถึงที่สุด โจทก์ยังมิได้เป็นผู้ชนะคดีจึงมิใช่ผู้เสียหาย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยในผล พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามทางไต่สวนว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีจำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการผู้จัดการและจำเลยที่ ๓ เป็นพนักงานเก็บเงินของจำเลยที่ ๑ ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยที่ ๑ ได้เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทปัฐวิกรณ์ จำกัด และโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๕๖๖/๒๕๔๐ ของศาลแพ่ง ในข้อหาละเมิดและเรียกค่าเสียหาย ระหว่างการพิจารณา ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความชั่วคราวโดยให้จำเลยที่ ๑ จัดการเก็บเงินค่าเช่าอาคาร ร้านค้าและแผงลอยในตลาดปัฐวิกรณ์ของโจทก์แล้วนำเงินมาวางศาลทุกเดือน เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๑จำเลยทั้งสามได้เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยจากพ่อค้าและแม่ค้าในตลาดปัฐวิกรณ์จำนวน ๑๑,๕๖๕ บาท แล้วไม่นำไปวางศาลตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีแพ่งดังกล่าว โดยขณะเกิดเหตุคดีแพ่งดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า กรณีมีเหตุสมควรที่จะประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้ คดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๕๖๖/๒๕๔๐ ของศาลแพ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเงินค่าเช่าที่จำเลยทั้งสามรับไว้ตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีดังกล่าวจึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ ดังนั้นไม่ว่าจำเลยทั้งสามจะได้ร่วมกันเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริตจริงหรือไม่ ก็ตามก็ไม่อาจเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share