คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างคือจำเลยที่3กับห้างหุ้นส่วนจำกัดช.เมื่อโจทก์อ้างว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดช.ได้ทำหนังสือโอนสิทธิการรับเงินค่าก่อสร้างให้โจทก์แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บอกกล่าวการโอนหนี้ไปยังจำเลยที่3โดยทำเป็นหนังสือหรือจำเลยที่3ได้ยินยอมในการโอนเป็นหนังสือการที่ป. และจำเลยที่2ลงชื่อในหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวโดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่3ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่3ยินยอมด้วยในการโอนหนี้รายนี้เอกสารที่โจทก์อ้างจึงใช้ยันแก่จำเลยที่3ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา306

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 3 ทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงทำการก่อสร้างอาคารและบ้านพักในระหว่างการก่อสร้างห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงได้ออกเช็คนำไปแลกเงินสดจากโจทก์และได้ทำหนังสือโอนสิทธิการรับเงินค่าก่อสร้างอาคารและบ้านพักให้โจทก์เป็นผู้รับได้ นายปัญญาและจำเลยที่ 2 ได้รับทราบและยินยอมแล้วต่อมาโจทก์มีหนังสือขอรับเงินจำนวน 685,350 บาทแต่ไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ได้ร่วมกันพิจารณาสั่งให้จ่ายเงินค่าก่อสร้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงที่เหลือจำนวน 800,000 บาท ให้แก่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจำกัด ตามหนังสือมอบอำนาจที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงได้มอบอำนาจให้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด เป็นผู้รับเงินจำนวน 3,649,000 บาท การกระทำของจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับเงินจำนวน 685,350 บาทจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 4 จำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 685,350 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสี่ให้การร่วมกันว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงไม่ได้เป็นลูกหนี้โจทก์และไม่ได้โอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินค่าจ้างแก่โจทก์ หนังสือยอมให้โจทก์รับเงินค่าจ้างแทนไม่มีผลผูกพันจำเลย เพราะสัญญาจ้างท้ายฟ้องเป็นสัญญาระหว่างจำเลยที่ 3 กับห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรง นายปัญญาลงลายมือชื่อในสัญญาดังกล่าวในฐานะพยานเท่านั้นจำเลยที่ 3 ไม่เคยมอบอำนาจให้นายปัญญาหรือจำเลยที่ 1หรือที่ 2 ยินยอมให้มีการโอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์การกระทำของนายปัญญาและจำเลยที่ 2 จึงเป็นเรื่องรับทราบเป็นการส่วนตัวไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 3 โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จึงมีสิทธิจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด ไปตามหนังสือมอบอำนาจที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงทำไว้เป็นการจ่ายเงินไปโดยสุจริต ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ได้ทำหนังสือแจ้งให้นายปัญญาและจำเลยที่ 2 ทราบคนทั้งสองได้ลงลายมือชื่อรับทราบแล้วหนังสือดังกล่าวมีข้อความตอนต้นว่า หนังสือยอมให้รับเงินค่าจ้างแทน ข้อ 1 อ้างถึงสัญญาจ้างระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงกับจำเลยที่ 3 ส่วนข้อ 2 มีใจความว่า นายวิชัยในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยโคกสำโรงยอมให้โจทก์เป็นผู้รับเงินค่าจ้างตามสัญญาในข้อ 1 จากจังหวัดลพบุรีแทนคือค่าจ้างงวดที่ 3 จำนวน 93,450 บาท ค้างจ้างงวดที่ 4จำนวน 71,200 บาท และเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายจำนวน6685,350 บาท เห็นว่า คู่สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างอาคารและบ้านพักคือจำเลยที่ 3 กับห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรง เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยที่ 3 โดยทำเป็นหนังสือ หรือจำเลยที่ 3 ได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้นเป็นหนังสือ การที่นายปัญญาและจำเลยที่ 2 ลงชื่อในเอกสารโดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 3 ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3ได้ยินยอมด้วยในการโอนหนี้รายนี้แล้ว เอกสารที่โจทก์อ้างจึงใช้ยันแก่จำเลยที่ 3 ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 การที่จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันพิจารณาจ่ายเงินค่าก่อสร้างงวดสุดท้ายให้แก่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัดไปตามหนังสือมอบอำนาจของห้างหุ้นส่วนจำกัดชาญชัยก่อสร้างโคกสำโรงจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสี่ไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์
พิพากษายืน

Share