แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อกองมรดกโจทก์ยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทเงินค่าเช่าที่ได้รับจากผู้เช่าทรัพย์สินของกองมรดกย่อมเป็นของกองมรดก เพราะเป็นดอกผลนิตินัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 111 ซึ่งจักต้องนำไปแบ่งปันกันระหว่างทายาทต่อมาภายหลังแม้ตามพินัยกรรมระบุให้แบ่งเงินค่าเช่าแก่ทายาท 3 คน และผู้จัดเก็บผลประโยชน์ของกองมรดกได้แบ่งค่าเช่าที่เก็บได้มาให้แก่ทายาทไปตามพินัยกรรมแล้วก็หาใช่ว่าเงินค่าเช่านั้นตกได้แก่ทายาท 3 คนนั้นทันทีไม่กรณีเข้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ทวิ วรรคสอง ซึ่งผู้จัดการมรดกหรือทายาท หรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกแล้วแต่กรณี มีหนังสือต้องยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเงินได้ในชื่อกองมรดกผู้ตาย
โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ.2509 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2510 เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนโจทก์ได้รับหมายเรียกวันที่ 24 เดือนเดียวกันจึงเป็นการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนภายในเวลา 5 ปี นับแต่วันยื่นรายการเสียภาษีถูกต้องตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 แล้ว การที่เจ้าพนักงานประเมินมีหนังสือแจ้งการประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมและเงินเพิ่มภาษีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2515 ก็ชอบด้วยด้วยมาตรา 20 สิทธิเรียกร้องของกรมสรรพากรให้โจทก์ชำระเงินได้ประจำ พ.ศ.2509 จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า กองมรดกมีที่ดินและตลาดสด ในตลาดสดมีแผงลอยซึ่งให้ผู้อื่นเช่าเก็บค่าเช่าเป็นรายวัน โจทก์แบ่งผลประโยชน์ให้แก่ทายาทของเจ้ามรดกตามพินัยกรรม ซึ่งทายาทและกองมรดกต่างก็แยกกันยื่น และชำระภาษีเงินได้ตลอดมา ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เกี่ยวกับตลาดสดดังกล่าว โจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องจึงอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ดังกล่าว
จำเลยทั้งห้าให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงาน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าเงินค่าเช่าแผงลอยเป็นรายได้จากทรัพย์ที่เกิดหลังวันทำพินัยกรรม จึงต้องตกได้แก่นายอรุณ นายชาญ และนายจิตต์ ตามพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.25 ข้อ 6 กองมรดกโจทก์จึงไม่ต้องยื่นแบบรายการเสียภาษีนั้น เห็นว่านายจิตต์และนายชาญผู้จัดการมรดกรายนี้เบิกความเป็นพยานโจทก์ไว้ชัดว่า กองมรดกโจทก์ยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท ฉะนั้นเงินค่าเช่าที่ได้รับจากผู้เช่าแผงลอยอันเป็นทรัพย์สินของกองมรดก โจทก์ย่อมเป็นของกองมรดกโจทก์ เพราะเป็นดอกผลนิตินัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 111 ซึ่งจักต้องนำไปแบ่งปันกันระหว่างทายาทต่อมาภายหลังหาใช่ว่าเงินค่าเช่าแผงลอยตกได้แก่นายอรุณ นายชาญและนายจิตต์ตามพินัยกรรมข้อ 6 ตามส่วนแบ่งทันทีดังที่โจทก์ฎีกาไม่ เมื่อกองมรดกรายนี้ยังมิได้แบ่ง กรณีเข้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ทวิ วรรค 2 ซึ่งบัญญัติให้ผู้จัดการมรดกหรือทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกแล้วแต่กรณี มีหน้าที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเงินได้ในชื่อกองมรดกผู้ตาย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยประเมินเรียกเก็บภาษีในปี พ.ศ. 2509 เกินกว่า 5 ปีแล้ว จึงขาดอายุความที่จะเรียกร้องให้ชำระค่าภาษีนั้น เห็นว่า โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีประจำภาษี พ.ศ. 2509 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2510 แต่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 19 เจ้าพนักงานประเมินจึงได้ออกหมายเรียกลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2515 ให้นายจิตต์ผู้จัดการมรดกโจทก์มาไต่สวน นายจิตต์ได้รับหมายเรียกดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 เดือนเดียวกัน เห็นได้ว่าเจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนภายในเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2510 ที่โจทก์ยื่นรายการเสียภาษีประจำปีภาษี พ.ศ. 2509 ถูกต้องตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 แล้ว ที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เพิ่มเติม และเงินเพิ่มภาษีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2515 ก็เป็นการชอบด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา 20 แล้ว สิทธิเรียกร้องให้ชำระภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2509 ของจำเลยที่ 1 หาขาดอายุความดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน