คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,181 เป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ลักษณะ 3 หมวด 1 ว่าด้วยความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมซึ่งกฎหมายมุ่งคุ้มครองเจ้าพนักงานในการยุติธรรมและคู่ความให้ได้รับผลในทางความยุติธรรมเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับบุคคลนอกคดีนอกจากนี้ยังต้องพิจารณาอีกด้วยว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลยหรือไม่
โจทก์ในคดีนี้ (เป็นทนายความจำเลย) ไม่ได้ถูกฟ้องคดีอาญาเรื่องบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และเสื่อมเสียเสรีภาพนั้นด้วย ฉะนั้น แม้จำเลยจะเบิกความในคดีนั้นว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่โจทก์จะได้รับความเสียหายจากคำเบิกความของจำเลยได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากคำเบิกความของจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยกับพวกเป็นโจทก์ฟ้องนายตงและนายสุชาติเป็นจำเลยข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และเสื่อมเสียเสรีภาพในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2240 – 2245, 2252, 2258, 2268/2520 และ 1338/2521ของศาลจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่สามปีขึ้นไปเมื่อวันที่ 18เมษายน 2522 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้เบิกความเท็จต่อศาลจังหวัดสระบุรีในคดีดังกล่าวว่า โจทก์ซึ่งเป็นทนายความของนายตงและนายสุชาติได้ไปยังที่พิพาทพร้อมกับลูกความ และโจทก์ได้ถือปืนไปขู่บังคับจำเลยทั้งสองให้ออกไปจากที่ดิน ถ้าไม่ออกไปจะฆ่าให้ตายความจริงโจทก์มิได้ถือปืนไปขู่บังคับจำเลยทั้งสองดังที่จำเลยทั้งสองเบิกความแต่อย่างใด ข้อความเท็จที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวนั้น ล้วนเป็นข้อสำคัญในคดีทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 181

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ และยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกานำปัญหาคดีนี้ปรึกษาในที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่าความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,181 ที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2ลักษณะ 3 หมวด 1 ว่าด้วยความผิดต่อเจ้าพนักงานโดยการยุติธรรมซึ่งกฎหมายหมวดนี้มุ่งคุ้มครองเจ้าพนักงานในการยุติธรรมและคู่ความให้ได้รับผลในความยุติธรรมในคดีเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับบุคคลนอกคดี นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาอีกด้วยว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลยหรือไม่จะเห็นได้ว่าโจทก์ในคดีนี้ไม่ได้ถูกฟ้องคดีอาญาเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และเสื่อมเสียเสรีภาพนั้นด้วย ฉะนั้นแม้จำเลยจะเบิกความในคดีนั้นว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่โจทก์จะได้รับความเสียหายจากคำเบิกความของจำเลยได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์จะไม่ใช่ตัวความที่ถูกฟ้องในคดีนั้นแต่โจทก์ก็เป็นทนายความในคดีนั้น การที่จำเลยเบิกความเช่นนั้นอาจทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังว่าโจทก์ประพฤติผิดมรรยาทได้นั้น เห็นว่า ความผิดเกี่ยวกับชื่อเสียงนั้นได้มีบัญญัติไว้แล้วในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ลักษณะ 11 หมวด 3 ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท อันเป็นกฎหมายที่คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงโดยเฉพาะอยู่แล้ว สำหรับกรณีที่โจทก์ฟ้องนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากคำเบิกความของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28

พิพากษายืน

Share