คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องของโจทก์มีข้อความว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านหลังหนึ่งของจำเลย แต่ไม่ทราบเลขโฉนดที่ดินที่บ้านตั้งอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สามารถขายทอดตลาดได้บ้านราคาเพียง 50,000 บาทไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา จำเป็นต้องยึดทรัพย์สินอื่น เพิ่มเติมซึ่งโจทก์เชื่อว่ายังมีอยู่อีก แต่จำเลยหลบหนี มีบุคคล ที่อยู่ในฐานะที่จะให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ในการไต่สวนคือ ช. สามีจำเลย ทั้งในคำร้องฉบับแรกก็ระบุว่า ช. มีฐานะมั่นคงและเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินสินสมรสหลายโฉนด ดังนี้เป็นคำร้อง ที่แสดงเหตุอันสมควรที่จะขอให้ศาลออกหมายเรียก ช. มาทำการไต่สวนตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 277

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำยึดทรัพย์บ้านหลังหนึ่งของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ราคาเพียง ๕๐,๐๐๐ บาทไม่พอชำระหนี้ และจำเลยหลบหนีไปแล้ว โจทก์ทราบว่าพันตำรวจตรีชาญชัยสามีจำเลยเป็นผู้มีฐานะมั่นคงเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหลายโฉนดซึ่งเป็นสินสมรส จำเลยคงจะมีทรัพย์สินอื่นมากกว่าที่ยึดไว้ พันตำรวจตรีชาญชัยเป็นบุคคลที่จะให้ถ้อยคำเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยได้ดี ขอให้หมายเรียกพันตำรวจตรีชาญชัยมาทำการไต่สวน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องอีกว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านหลังหนึ่งไว้ ราคาประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท ไม่ทราบเลขโฉนดที่ดินที่บ้านดังกล่าวตั้งอยู่ และบ้านที่ยึดไว้ไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์เชื่อว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นอยู่อีก แต่จำเลยหลบหนีไป จึงขอให้หมายเรียกพันตำรวจตรีชาญชัยสามีของจำเลยมาไต่สวนเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องของโจทก์ฉบับที่สองว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านหลังหนึ่งของจำเลย แต่ไม่ทราบเลขโฉนดที่ดินที่บ้านหลังนั้นตั้งอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สามารถขายทอดตลาดได้ และเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาบ้านที่ยึดเพียง ๕๐,๐๐๐ บาท ไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา จำเป็นต้องยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยเพิ่มเติมซึ่งโจทก์เชื่อว่ายังมีอยู่อีก เนื่องจากจำเลยหลบหนี ไม่สามารถออกหมายเรียกมาให้ถ้อยคำได้แต่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเชื่อว่าอยู่ในฐานะที่จะให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์ในการไต่สวนคือ พันตำรวจตรีชาญชัยสามีของจำเลย ทั้งตามคำร้องของโจทก์ฉบับแรกก็ระบุว่าพันตำรวจตรีชาญชัยเป็นผู้มีฐานะมั่นคง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหลายโฉนดซึ่งเป็นสินสมรสดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องของโจทก์แสดงเหตุอันสมควรที่จะขอให้ศาลออกหมายเรียกพันตำรวจตรีชาญชัยมาทำการไต่สวนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๗
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกพันตำรวจตรีชาญชัยมาทำการไต่สวนตามคำร้องของโจทก์ คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์

Share