คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขอดูนาฬิกาที่ผู้เสียหายใส่อยู่ เมื่อผู้เสียหายถอดให้จำเลย จำเลยรับนาฬิกามาจากผู้เสียหายแล้ววิ่งหนี การกระทำของจำเลยไม่เป็นการใช้กิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์ผู้เสียหายไป แต่เป็นการใช้อุบายให้ผู้เสียหายถอดนาฬิกาจากข้อมือส่งให้จำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์แต่เป็นการลักทรัพย์ด้วยการใช้อุบาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
แม้โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 แต่การลักทรัพย์เป็นการกระทำอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักนาฬิกาข้อมือ ๑ เรือน ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๖, ๕๘ ให้คืนนาฬิกาข้อมือของกลางแก่ผู้เสียหาย และบวกโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๖๗/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๖๗/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖ ให้จำคุก ๒ ปี กับพวกโทษจำคุก ๑ ปี ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๖๗/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นรวมจำคุก ๓ ปี และให้คืนนาฬิกาข้อมือของกลางแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า เมื่อจำเลยขอดูนาฬิกาที่ผู้เสียหายใส่อยู่ ผู้เสียหายก็ถอดให้จำเลย ครั้นจำเลยรับนาฬิกามาจากผู้เสียหายแล้วก็วิ่งหนีไป ไม่ใช่ผู้เสียหายให้จำเลยยืมนาฬิกาดังที่จำเลยนำสืบการกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการใช้กิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์ผู้เสียหายไปแต่เป็นการใช้อุบายให้ผู้เสียหายถอดนาฬิกาจากข้อมือของผู้เสียหายส่งให้จำเลยการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖ วรรคแรก แต่เป็นการลักทรัพย์ด้วยการใช้อุบาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามมาตรา ๓๓๔ แต่การลักทรัพย์เป็นการกระทำอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความผิดอยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในการกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ วรรคสุดท้าย
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ให้จำคุก ๑ ปี บวกโทษจำคุก ๑ ปี ที่รอการลงโทษไว้ในศาลอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๔๖๗/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘ รวมจำคุก ๒ ปี และให้คืนนาฬิกาข้อมือของกลางแก่ผู้เสียหาย.

Share