แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจนสิ้นเชิงก็ตาม แต่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะขายทอดตลาดนั้น เป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 มิใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ทั้งจำเลยที่ 2 ก็มิได้มีชื่อตามทะเบียนในทรัพย์สินที่ยึดดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 306 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้แจ้งการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 2 ทราบ เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 1,334,516.36 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2538 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 5035 ตำบลวัดท่าพระ (เกาะท่าพระ) อำเภอบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาด หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนกับให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,500 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสามไม่ยอมชำระหนี้ โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 15035 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้นายจรูญ ธีรผลิต ผู้ซื้อทรัพย์ในราคา 1,000,000 บาท
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ส่งประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันและเป็นผู้มีส่วนได้เสียทราบ ที่ดินข้างเคียงมีราคาสูงถึง 2,000,000 บาท เศษ ขณะโจทก์นำยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคา 1,150,000 บาท แต่ขายทอดตลาดในราคาเพียง 1,000,000 บาท และเป็นการขายทอดตลาดครั้งแรกโดยมีผู้ประมูลราคาเพียงรายเดียว เป็นการขายที่รวบรัดและได้ราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมากเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทำให้จำเลยที่ 2 จะต้องถูกบังคับคดีในส่วนที่ยังขาดในฐานะลูกหนี้ร่วมกัน ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและงดการบังคับคดีในส่วนที่ยังขาดในฐานะลูกหนี้ร่วมกัน ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและงดการบังคับคดีไว้ก่อนในระหว่างไต่สวน
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 3 ไม่เคยทราบประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพราะจำเลยที่ 3 แจ้งย้ายออกจากภูมิลำเนาตามฟ้องและไปพักอาศัยอยูที่อื่น การส่งคำคู่ความและการบังคับคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอยู่ในย่านชุมชน ที่ดินข้างเคียงมีราคาซื้อขายสูงถึง 2,000,000 บาท เศษ ขณะโจทก์นำยึดทรัพย์ที่ยึดมีราคาสูงถึง 1,150,000 บาท แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายไปเพียง 1,000,000 บาท และเป็นการขายทอดตลาดครั้งแรกโดยมีผู้เข้าประมูลราคาเพียงรายเดียวเป็นการขายที่รวบรัดและได้ราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและงดการบังคับคดีไว้ก่อนในระหว่างไต่สวน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานใหม่ในประเด็นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยรวบรัดไปในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งประกาศขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 2 ทราบ เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจนสิ้นเชิงดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาก็ตาม แต่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะขายทอดตลาดนั้นเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 มิได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ด้วย ทั้งจำเลยที่ 2 ก็มิได้มีชื่อตามทะเบียนในทรัพย์สินที่ยึดดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีไม่ได้แจ้งการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ให้จำเลยที่ 2 ทราบ เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า การส่งประกาศขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้จำเลยที่ 3 เป็นการส่งคำคู่ความที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะพนักงานเดินหมายปิดประกาศแจ้งการขายทอดตลาดที่บ้านเลขที่ซึ่งจำเลยที่ 3 แจ้งย้ายออกไปแล้วตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรเอกสารหมาย ล.4 เห็นว่า ในชั้นไต่สวนคำร้องให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 3 ไม่ได้มาเบิกความเป็นพยาน คงมีจำเลยที่ 2 เบิกความเป็นพยานยืนยันว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 3 ทราบแล้ว ตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ล.2 ศาลชั้นต้นจึงฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งประกาศขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้จำเลยที่ 3 ทราบแล้ว ตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ล.2 จำเลยที่ 3 มิได้อุทธรณ์โต้แย้งในปัญหาดังกล่าวเป็นประเด็นไว้ในคำฟ้องอุทธรณ์ที่ยื่นรวมกันมากับจำเลยที่ 2 ฎีกาของจำเลยที่ 3 จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน