คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1703/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยสอบธรรมศึกษาชั้นเอกได้ แม้จำเลยจะได้สึกไปแล้ว กลับมาอุปสมบทใหม่ก็ไม่ทำให้ขาดจากวิทยะฐานะพระภิกษุนักธรรม ดังนี้จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นทหารกองเกินคณะกรรมการได้ตรวจคัดเลือกให้จำเลยเข้าเป็นทหารกองประจำการเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2494 แต่จำเลยเป็นสมณะ คณะกรรมการจึงผ่อนผันให้จำเลยรายงานตัวขึ้นทะเบียนประจำการ ครั้นถึงกำหนดจำเลยขอลาไปครั้งหนึ่งและต่อมาได้ขอลาต่อไปอีก ซึ่งในระยะหลังนี้ ทางราชการมิได้สั่งอนุญาต แต่ได้หารือไปตามลำดับในที่สุดกระทรวงกลาโหมสั่งไม่อนุญาต และจำเลยยังคงมิได้รายงานตัวขึ้นทะเบียนจนถึงวันฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2479 มาตรา 41 แก้ไข(ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2494 มาตรา 4 และขอให้ลงโทษจำเลยที่เคยรอไว้

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นนักธรรมควรได้รับการผ่อนผันเจ้าคณะจังหวัดนครนายก จึงร้องเรียนขอผ่อนผัน ระหว่างรอทราบคำวินิจฉัยอยู่นี้เอง จำเลยถูกเรียกตัวไปสอบสวนหาว่าทำผิดคดีนี้

ศาลจังหวัดนครนายก พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2479 มาตรา 41 จำคุกจำเลย 3 เดือนและให้บวกโทษ 1 เดือนที่รอไว้เป็นจำคุกจำเลยไว้ 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยตัวจำเลย

โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นพระภิกษุนักธรรมย่อมได้รับยกเว้นไม่ต้องเรียกเข้ากองประจำการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2494 มาตรา 5 แม้จำเลยจะได้สึกไปแล้วกลับมาอุปสมบทใหม่ก็ไม่ทำให้ขาดจากวิทยะฐานะพระภิกษุนักธรรมตามประกาศคณะสงฆ์รับรองวิทยะฐานะนักธรรมหรือเปรียญของผู้บวชใหม่เข้าสู่ฐานะเดิม ลงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2484 จำเลยจึงไม่ผิดตามฟ้องโจทก์

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share