คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702-1703/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดงซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่เขตพญาไท กรุงเทพ ให้แก่โจทก์ร่วมเมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปเข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาบางนา เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดง ปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น โจทก์ร่วมได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการให้ดำเนินคดีกับจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์ร่วมที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ดังนี้แม้ความผิดมิได้เกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการ เพราะธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินมิได้ตั้งอยู่ในเขตอำเภอนั้นก็ตาม แต่โจทก์และโจทก์ร่วมก็อ้างว่าจำเลยกระทำผิดในเขตอำเภอพระประแดง โดยออกเช็คในท้องที่นั้น ถ้าเป็นความจริงก็ถือได้ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำลงในท้องที่อำเภอพระประแดงต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดงย่อมมีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(3) พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการมีอำนาจฟ้อง และศาลจังหวัดสมุทรปราการย่อมมีอำนาจชำระคดีตามมาตรา 22 เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้พิจารณาพิพากษาใหม่(ประชุมใหญ่ครั้งที่4-5/2523)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองสำนวนเป็นใจความว่า จำเลยออกเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดง รวม 2 ฉบับจำนวนเงินฉบับละ 50,000 บาท ให้นายนำพรเพื่อชำระหนี้ค่าพิมพ์ผ้า และจำเลยออกเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดง รวม 3 ฉบับ จำนวนเงินแต่ละฉบับ 70,000 บาท, 70,000 บาท และ 60,000 บาท ให้นายนำพรเพื่อชำระหนี้เงินยืม เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนด นายนำพรนำเช็คเหล่านั้นไปเข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาบางนา เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดง ปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค ทั้งนี้ จำเลยออกเช็คดังกล่าวโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ออกเช็คให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนอันมีอยู่ในบัญชี และออกเช็คโดยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้เหตุเกิด ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกันขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 และนับโทษจำเลยใคดีหลังต่อจากโทษในคดีแรกด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน

นายนำพรผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองสำนวนมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ให้จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 5 กระทงเป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน

โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดทั้งสองสำนวนเกิดขึ้นที่แขวงสามเสนในเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร อันเป็นที่ตั้งของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัดสาขาดินแดง ซึ่งปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค มิได้เกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดงไม่มีอำนาจสอบสวน ที่พนักงานสอบสวนดังกล่าวสอบสวนคดีนี้จึงไม่ชอบ พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และความผิดมิได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจชำระคดี พิพากษากลับให้ยกฟ้องทั้งสองสำนวน

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาทั้งสองสำนวน

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์ร่วม 5 ฉบับ เป็นเช็คของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดง ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่แขวงสามเสนในเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปเข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาบางนา เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาดินแดง ปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น โจทก์ร่วมได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้ดำเนินคดีกับจำเลย ทั้งนี้โจทก์ร่วมอ้างว่าจำเลยออกเช็คทั้ง5 ฉบับ ให้โจทก์ร่วมที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการพนักงานสอบสวนดังกล่าวสอบสวนแล้วพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการมีปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเพราะการสอบสวนชอบหรือไม่ และศาลจังหวัดสมุทรปราการมีอำนาจชำระคดีนี้หรือไม่

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า แม้ความผิดมิได้เกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพราะธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินมิได้ตั้งอยู่ในเขตอำเภอนั้นก็ตาม แต่โจทก์และโจทก์ร่วมก็อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดในเขตอำเภอพระประแดง โดยออกเช็คในท้องที่นั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย ซึ่งถ้าฟังได้เป็นความจริงก็ถือได้ว่าการกระทำผิดอาญาได้กระทำลงในท้องที่อำเภอพระประแดงต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดงย่อมมีอำนาจสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(3)การสอบสวนนั้นชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ มีอำนาจฟ้องและท้องที่ซึ่งเจ้าพนักงานทำการสอบสวนนั้นอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลดังกล่าวย่อมมีอำนาจชำระตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 คำพิพากษาฎีกาที่ 396/2517 ระหว่าง นายนกุลอรรถวิทย์ โจทก์ บริษัทศรีสมิต จำกัด จำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 1229/2519ระหว่างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล บ. เส็งเจริญ โจทก์ นายบุญธรรม ทองเพิ่มจำเลย ซึ่งศาลอุทธรณ์อ้างมา รูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองสำนวนฟังขึ้น

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่

Share