คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้เพียงประเด็นเดียวว่า สินค้าแกนม้วนเส้นด้ายไม่ใช่ของที่ต้องสำแดงเพื่อเสียภาษีศุลกากร โดยจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในเรื่องราคาของแกนม้วนเส้นด้ายที่โจทก์ที่ 1 กำหนดมาว่าไม่ถูกต้องตามราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ต้องถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในจำนวนเงินราคาของแกนม้วนเส้นด้ายตามที่โจทก์ที่ 1 กำหนดแล้ว ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยในปัญหาเกี่ยวกับราคาของแกนม้วนเส้นด้ายว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นการวินิจฉัยนอกคำให้การและนอกประเด็น และปัญหาที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยนี้ก็มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน การที่ศาลภาษีอากรกลางยกปัญหาข้อเท็จจริงเรื่องราคาของแกนม้วนเส้นด้ายขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 ซึ่งการวินิจฉัยโดยไม่ชอบดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระภาษีอากรเพิ่มอีกเป็นเงิน 5,049,468.09 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 4,373,812.17 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง และให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองโดยค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ในปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองซึ่งมีเพียงประเด็นเดียวว่า ราคาตามท้องตลาดที่แท้จริงของแกนม้วนเส้นด้ายที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นจำนวนเท่าใด โดยโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าแกนม้วนเส้นด้ายดังกล่าวมีราคาตามท้องตลาดที่แท้จริงเป็นเงิน 1,674,100.56 บาท มิใช่มีราคาเพียง 557,312.53 บาท ตามที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยมานั้น ในเบื้องต้นเมื่อพิจารณาตามคำฟ้องและคำให้การแล้วปรากฏว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับแกนม้วนเส้นด้ายว่ามีทั้งหมด 16,312 อัน จัดอยู่ในประเภทพิกัด 3923.40 และประเมินราคาสินค้าเป็นเงิน 1,674,100.56 บาท ส่วนจำเลยให้การเกี่ยวกับสินค้าแกนม้วนเส้นด้ายว่า แกนม้วนเส้นด้ายมิใช่ของที่เกินจากสำแดง การที่เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 จัดให้แกนม้วนเส้นด้ายอยู่ในประเภทพิกัดที่ 3923.40 จึงไม่ถูกต้อง ศาลภาษีอากรกลางได้กำหนดประเด็นสำหรับแกนม้วนเส้นด้ายในประเด็นข้อ 3 ว่า สินค้าแกนม้วนเส้นด้ายเป็นของที่เกินจากสำแดงหรือไม่ และศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า สินค้าแกนม้วนเส้นด้ายเป็นสินค้าที่ต้องสำแดงเพื่อเสียภาษีศุลกากรด้วย และจัดอยู่ในประเภทพิกัด 3923.40 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยต่อไปว่า ราคาของแกนม้วนเส้นด้ายที่โจทก์ประเมินมานั้นไม่ใช่ราคาตามท้องตลาดที่แท้จริงและได้วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับราคาตามท้องตลาดเพื่อเสียภาษีใหม่ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นว่า เมื่อจำเลยให้การต่อสู้เพียงประเด็นเดียวว่า สินค้าแกนม้วนเส้นด้ายไม่ใช่ของที่ต้องสำแดง โดยจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในเรื่องราคาของแกนม้วนเส้นด้ายที่โจทก์ที่ 1 กำหนดมาว่าไม่ถูกต้องตามราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ต้องถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามคำฟ้องในจำนวนเงินราคาของแกนม้วนเส้นด้ายตามที่โจทก์ที่ 1 กำหนดแล้ว ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยในปัญหาเกี่ยวกับราคาของแกนม้วนเส้นด้ายว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ เพียงใด จึงเป็นการวินิจฉัยนอกคำให้การและนอกประเด็น และปัญหาที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยนี้ก็มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน การที่ศาลภาษีอากรกลางยกปัญหาข้อเท็จจริงเรื่องราคาของแกนม้วนเส้นด้ายขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ซึ่งการวินิจฉัยโดยไม่ชอบดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ดังนั้น จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ว่า สินค้าแกนม้วนเส้นด้ายมีราคาตามท้องตลาดอันแท้จริงเป็นเงิน 1,674,100.56 บาท และจำเลยจะต้องรับผิดชำระภาษีศุลกากร ภาษีการค้า ภาษีส่วนท้องถิ่น และค่าธรรมเนียมพิเศษ ตามจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องมา ส่วนอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงของโจทก์เป็นการโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลภาษีอากรกลางที่วินิจฉัยนอกประเด็นมาโดยไม่ชอบดังกล่าวย่อมถือว่าไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลภาษีอากรกลาง อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 5,049,468.09 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ยกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ทั้งสอง ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share