คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประเภทประจำ (12 เดือน) ของธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่ผู้ฝากเงิน เพื่อความสะดวกในการคิดคำนวณให้ใช้อัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันฟ้องนั้น ตามทางพิจารณาไม่ได้ความจากการนำสืบของโจทก์และจำเลยว่าดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำของธนาคารพาณิชย์ หรืออัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันฟ้อง มีอัตราร้อยละเท่าใด จึงกำหนดให้จำเลยเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 7 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 441,328 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 342,843 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 332,950 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินค่าจอง 15,000 บาท ค่ามัดจำ 129,983 บาท และค่างวดจำนวนงวดละ 9,893 บาท นับแต่วันที่รับเงินค่าจอง เงินค่ามัดจำและเงินค่างวดในแต่ละงวดดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประเภทประจำ (12 เดือน) ของธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่ผู้ฝากเงิน เพื่อความสะดวกในการคิดคำนวณให้ใช้อัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยคืนเงินที่ได้รับชำระจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การไว้ในคำให้การเพียงว่า ไม่เคยได้รับและไม่เคยเห็นหนังสือบอกเลิกสัญญามาก่อน ผู้ที่ลงชื่อเป็นผู้รับในใบตอบรับในประเทศไม่ใช่พนักงานหรือลูกจ้างหรือบุคคลที่อยู่ในสถานที่ที่อยู่ของจำเลยเท่านั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบหรือไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง คดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบหรือไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันที เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือคำให้การต่อสู้คดีของจำเลย และถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบเพราะเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ว่า การฟ้องคดีของโจทก์ถือว่าคู่กรณีตกลงเลิกสัญญากันโดยปริยายหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนไป
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประเภทประจำ (12 เดือน) ของธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่ผู้ฝากเงิน เพื่อความสะดวกในการคิดคำนวณให้ใช้อัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันฟ้องนั้น ตามทางพิจารณาไม่ได้ความจากการนำสืบของโจทก์และจำเลยว่าดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำของธนาคารพาณิชย์ หรืออัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันฟ้อง มีอัตราร้อยละเท่าใด จึงกำหนดให้จำเลยเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 ปัญหาด้งกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับดอกเบี้ยให้คิดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 3,000 บาท แทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share