คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายและจำเลยโต้เถียงกันด้วยเรื่องที่จำเลยทวงเงินจากผู้ตาย จนจำเลยออกปากไล่ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าให้ไปเสียให้พ้นผู้ตายก็ลุกพรวดพราดชักมีดออกจากเอวห่างจำเลย 1 วา เช่นนั้น ย่อมเป็นเหตุการณ์ที่มีเหตุสมควรจะให้บุคคลในฐานะเช่นจำเลยตกใจกลัวว่าผู้ตายจะเข้ามาฟันหรือแทงจำเลย ซึ่งเป็นการจวนตัวเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึงตัวเต็มที จำเลยจึงชักปืนยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด โดยนั่งยิงอยู่ตรงนั้นเอง แล้วจำเลยก็วิ่งโดดนอกชานเรือนหนีไป ดังนี้ เป็นการที่จำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 จำเลยจึงไม่มีความผิด

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้ปืนยิงนายเต็ง บำเรอ ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกหลายแห่ง เป็นเหตุให้นายเต็งถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่จำเลยได้กระทำไปในฐานะป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ลดโทษแล้วคงจำคุก ๑๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะจำเลยยิงนั้น ผู้ตายลุกขึ้นชักมีดจากเอวหันหน้าเข้าไปทางในห้องที่จำเลยนั่งกินข้าวอยู่ มีดนั้นเป็นมีดปลายแหลมกว้าง ๓ นิ้วมือเรียงกัน ยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ ๑ คืบเศษ ขณะนั้นจำเลยอยู่ห่างผู้ตายประมาณ ๑ วาเศษ ถ้าผู้ตายจะทำร้ายจำเลย จำเลยก็ไม่มีทางจะหลบหนีได้ ทั้งก่อนที่ผู้ตายจะลุกขึ้นชักมีด ผู้ตายและจำเลยก็โต้เถียงกันเรื่องที่จำเลยทวงเงินจากผู้ตาย จนจำเลยออกปากไล่ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าให้ไปเสียให้พ้น ผู้ตายก็พรวดพราดลุกขึ้นชักมีดออกจากเอวห่าง ๑ วาเศษ เช่นนั้น ย่อมเป็นเหตุการณ์ที่มีเหตุสมควรจะให้บุคคลในฐานะเช่นจำเลยตกใจกลัวว่าผู้ตายจะเข้ามาฟันหรือแทงหรือขว้างมีดมาที่ตน ซึ่งเป็นการจวนตัว เป็นอันตรายที่ใกล้จะถึงตัวเต็มที จำเลยจึงชักปืนยิงไปที่ผู้ตาย ๑ นัด โดยนั่งยิงอยู่ตรงนั้นเอง แล้วจำเลยวิ่งโดดนอกชานเรือนหนีไปเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการที่จำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ พิพากษากลับว่าจำเลยไม่มีความผิด ให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยไป

Share