คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่วินิจฉัยและมีคำสั่งว่าการที่โจทก์เลิกจ้าง ป. เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 ให้โจทก์รับ ป. กลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหาย ศาลแรงงานตั้งเป็นประเด็นว่ามีเหตุจะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวหรือไม่แต่กลับวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 123 วรรคหนึ่ง แล้วพิพากษายกฟ้อง โดยมิได้วินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 121 หรือไม่ เป็นการวินิจฉัยปรับบทกฎหมายไม่ตรงกับคำฟ้องและประเด็นแห่งคดีที่กำหนดไว้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ประกอบกิจการขนส่งเอกสารพัสดุภัณฑ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ป. เป็นพนักงานขับรถส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ภาคพื้นดินของโจทก์ได้ดื่มสุรากับ ส. ที่บ้านของ ส. ต่อมา ป. เข้าทำงานที่บริษัทโจทก์โดยอาการหน้าแดงและพูดเสียงดังกว่าปกติ แต่ ป. มีหน้าที่ขับยานพาหนะอาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือบริษัทโจทก์ในการปฏิบัติหน้าที่ได้ แม้ฟังไม่ได้ว่า ป. มึนเมาในขณะทำงาน แต่เมื่อ ป. ดื่มสุราก่อนมาทำงาน เพียงไม่นาน ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเข้าใจได้ว่า ป. มึนเมาสุรา โจทก์เลิกจ้าง ป. ด้วยเหตุนี้ มิใช่โจทก์เลิกจ้าง ป. เนื่องจากเหตุต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121 จึงมิใช่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ที่ ๑๔/๒๕๓๙ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ ของจำเลยทั้งสิบสองและพิพากษาว่า การที่โจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาไม่เป็นการกระทำ อันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ หากศาลเห็นว่าไม่สมควรเพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสิบสอง ขอให้แก้คำสั่งดังกล่าวโดยลดค่าเสียหายลงตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร
จำเลยทั้งสิบสองให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมารับฟังได้ว่าเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๓๙ ระหว่างเวลา ๑๐ ถึง ๑๑ นาฬิกา นายประสงค์จุฑาได้ดื่มสุรากับนายสุขเกษมที่บ้านของนายสุขเกษม ต่อมานายประสงค์จุฑาได้เข้าทำงานที่บริษัทโจทก์ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายประสงค์จุฑามีอาการมึนเมาหรือขาดสติหรือก่อความเสียหายจากการดื่มสุราก่อนเข้าทำงาน เพียงแต่นายประสงค์จุฑามีอาการหน้าแดงและพูดเสียงดังกว่าปกตินั้น ยังไม่อาจฟังว่านายประสงค์จุฑามึนเมาสุราในขณะทำงาน การที่โจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑา ประธานสหภาพแรงงาน ที เอ็น ที และเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการยื่นข้อเรียกร้อง จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๓ วรรคหนึ่ง และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์กำหนดค่าเสียหายถูกต้องเป็นธรรมแล้ว กรณีไม่มีเหตุเพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ที่ ๑๔/๒๕๓๙ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ ของจำเลยทั้งสิบสอง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานพิจารณาข้ออุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การที่โจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๑ แต่ศาลแรงงานกลางกลับพิพากษาว่าการที่โจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๓ เป็นการปรับบทกฎหมายผิดและเป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่ง คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ ๑๔/๒๕๓๙ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ ที่วินิจฉัยและมีคำสั่งว่าการที่โจทก์เลิกจ้าง นายประสงค์จุฑา เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๑ ให้โจทก์รับ นายประสงค์จุฑากลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งศาลแรงงานกลางได้ตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทว่ามีเหตุจะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวหรือไม่ แต่ศาลแรงงานกลางกลับวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์ที่เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๓ วรรคหนึ่ง แล้วพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๑ ตามที่โจทก์ฟ้อง และศาลแรงงานกลางตั้งประเด็นไว้หรือไม่ จึงเป็นการวินิจฉัยปรับบทกฎหมายไม่ตรงกับคำฟ้องของโจทก์ และประเด็นแห่งคดีที่กำหนดไว้ คำพิพากษาศาลแรงงานกลางจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับข้ออุทธรณ์ของโจทก์ ที่ว่าโจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้น จะต้องพิเคราะห์ถึงมูลเหตุตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๑ แต่ศาลแรงงานกลางมิได้พิจารณาถึงมูลเหตุดังกล่าว กลับพิจารณาเพียงว่านายประสงค์จุฑา เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการยื่นข้อเรียกร้อง แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๑ ซึ่งหมายความว่า ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง ฯลฯ เพราะเหตุที่ลูกจ้างนั้นนัดชุมนุม ทำคำร้อง ยื่นข้อเรียกร้องเจรจา หรือดำเนินการฟ้องร้อง หรือเป็นพยานหรือให้หลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นสมาชิก สหภาพแรงงาน หรือมีเหตุใดเหตุหนึ่งใน ๕ เหตุที่ระบุไว้ในมาตรา ๑๒๑ หากนายจ้างกระทำการดังกล่าวก็เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม คดีนี้แม้นายประสงค์จุฑาจะเป็นประธานสหภาพแรงงานและเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการยื่นข้อเรียกร้อง แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ประกอบกิจการขนส่งเอกสารพัสดุภัณฑ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ นายประสงค์จุฑาเป็นพนักงานขับรถส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ภาคพื้นดินของโจทก์ ในวันเกิดเหตุนายประสงค์จุฑา ได้ดื่มสุรากับนายสุขเกษมที่บ้านของนายสุขเกษม ต่อมานายประสงค์จุฑาได้เข้ามาทำงานที่บริษัทโจทก์โดยอาการ หน้าแดงและพูดเสียงดังกว่าปกติ แม้ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่านายประสงค์จุฑามึนเมาในขณะทำงาน แต่นายประสงค์จุฑา ซึ่งมีหน้าที่ขับยานพาหนะเพื่อขนส่งพัสดุภัณฑ์ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือบริษัทโจทก์ ในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อนายประสงค์จุฑาดื่มสุราก่อนมาทำงานเพียงไม่นานย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเข้าใจได้ว่านายประสงค์จุฑามึนเมาสุราในขณะทำงาน จึงเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุนี้ มิใช่เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเนื่องจากการยื่น ข้อเรียกร้องและเมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์เลิกจ้างนายประสงค์จุฑาเนื่องจากเหตุต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๑ การเลิกจ้างดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ ๑๔/๒๕๓๙ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ ของจำเลยทั้งสิบสอง .

Share