แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้มีดแทงผู้เสียหาย แม้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธติดตัวไปในทางสาธารณะและจำเลยไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานพาอาวุธติดตัวไปในทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันพามีดติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าแต่ผู้เสียหายหลบทันจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83,91, 288, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ให้ลงโทษปรับ 100 บาท และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ลงโทษจำคุก 10 ปีรวมจำคุก 10 ปี ปรับ 100 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากาาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ใช่คนร้ายที่ใช้มีดแทงผู้เสียหาย และวินิจฉัยว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และจำเลยไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดตามมาตรา 371 ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.