คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1689/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้มีดแทงผู้เสียหาย แม้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธติดตัวไปในทางสาธารณะและจำเลยไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานพาอาวุธติดตัวไปในทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันพามีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าแต่ผู้เสียหายหลบทันจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓,๙๑, ๒๘๘, ๓๗๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ ให้ลงโทษปรับ ๑๐๐ บาท และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ลงโทษจำคุก ๑๐ ปีรวมจำคุก ๑๐ ปี ปรับ ๑๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ใช่คนร้ายที่ใช้มีดแทงผู้เสียหาย และวินิจฉัยว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ และจำเลยไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดตามมาตรา ๓๗๑ ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share