คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจ 10 กว่าคนมีปืนตรูกันจะเข้าบ้านจำเลยเพื่อจะจับผู้ลักลอบเล่นการพะนัน ในบ้านจำเลยแต่ความจริงไม่มีการลักลอบเล่นการพะนันกันที่บ้านจำเลย ในขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนเดือนมืดมากถิ่นนั้นก็มีผู้ร้ายปล้นชุกชุม จนจำเลยต้องเตรียมตัวระวังคนร้ายอยู่เสมอ จำเลยจึงเข้าใจผิดคิดว่าพวกตำรวจเป็นคนร้ายจะเข้าปล้นจำเลยจึงยิงปืนไปที่พวกตำรวจ 1 นัดเพื่อจะยับยั้งและหนีเอาตัวรอด ดังนี้ถือได้ว่าเป็นการเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดได้เพราะการกระทำของจำเลยเรียกได้ว่าจำเลยกระทำการโดยเจตนาเพื่อป้องกันตนและผู้อื่น โดยสุจริตและพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๔๙๒ เวลากลางคืนในขณะที่จ่านายสิบตำรวจมงคล เปียพิกุล กับพลตำรวจอีกหลายนายเข้าทำการจับกุมจำเลยในคดีอาญาดำที่ ๑๓๘/๒๔๙๒ ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ อันเป็นการกระทำตามหน้าที่จำเลยบังอาจใช้ปืนยิงจ่านายสิบตำรวจมงคล ๑ นัด โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย แต่กระสุนไม่ถูกที่สำคัญ จึงไม่ตายขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๐, ๖๐
จำเลยให้การว่า นางพุดกับพวกจำเลยในคดีดำที่ ๑๓๘/๒๔๙๒ มิได้เล่นการพะนัน จำเลยได้ใช้ปืนยิงไป ๑ นัดโดยเชื่อแน่ว่ามีผู้ร้ายมาปล้นเพราะถิ่นนี้มีผู้ร้ายมาปล้นชุกชุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๐, ๖๐ ให้จำคุกจำเลยไว้ ๑๖ ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาคำพยานโดยตลอดแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า คดีมีพฤตติการณ์ทำให้จำเลยเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงคิดว่าพวกตำรวจที่เข้ามานั้นเป็นพวกปล้นจริง จำเลยยิงไปเพียงนัดเดียวแสดงว่าน่าจะเจตนาให้เป็นการยับยั้งเพื่อจะหนีเอาตัวรอดให้ปลอดภัย มิใช่ตั้งใจจะต่อสู้หรือจะฆ่าเจ้าพนักงาน หากกระทำไปด้วยความสำคัญผิดและมีเหตุอันสมควรที่วิญญูชนทั้งหลายจะพึ่งเข้าใจเช่นนั้น การเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงเป็นข้อแก้ตัวได้ สำหรับคดีนี้เรียกได้ว่าจำเลยกระทำการโดยเจตนา เพื่อป้องกันตนและผู้อื่นโดยสุจริตและพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดตามมาตรา ๕๐
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share