แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดไม่มีความประสงค์จะขายที่พิพาทให้โจทก์หรือผู้ใด การที่โจทก์ สมคบกับ ป. และ ห. ซึ่งเป็นกรรมการของจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ป. ขายที่ดินให้โจทก์โดยทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะขายที่ดินพิพาท จึงเป็นการกระทำที่ปราศจากอำนาจตาม ป.พ.พ. มาตรา 823 ประกอบ มาตรา 1167 สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๔๗๖๓, ๔๒๗๘๗ และ ๔๙๕ ถึง ๔๙๘ ตำบลลาดพร้าว อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการ แสดงเจตนาของจำเลยและชำระค่าเสียหายจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ได้ ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ ๕,๔๗๒,๐๐๐ บาท พร้อมค่าเสียหายจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๑๐,๔๗๒,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและให้บังคับโจทก์ถอนอายัดที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๔๗๖๓ และ ๔๒๗๘๗ ต่อสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาลาดพร้าว หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ ให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาวางมัดจำเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ และหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องหมายเลข ๔
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย ล.๓๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ระบุชัดแจ้งว่า ให้นำที่ดินพิพาททั้งสองแปลงไปทำการแบ่งแยกเพื่อจัดทำที่จอดรถยนต์ของบริษัทและลูกค้าที่มาติดต่อซึ่งนายประพนธ์และนายหทัยก็ได้มอบอำนาจให้นายสุวิทย์ไปดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจนแล้วเสร็จ ในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๓๕ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๔๐ และ ล.๔๑ จำเลยไม่มีความประสงค์จะขายที่พิพาทให้โจทก์หรือผู้ใด การที่นายประพนธ์และนายหทัยทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเจตนาจะขายที่พิพาททั้งสองแปลง แต่กลับร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจให้นายประพนธ์ขายที่พิพาทให้โจทก์ จึงเป็นการกระทำที่ปราศจากอำนาจตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๒๓ ประกอบมาตรา ๑๑๖๗ ตามสัญญาจะซื้อจะขาย สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลย
พิพากษายืน .