คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุ ตัววงจรไฟฟ้าของบริษัทผู้เสียหายได้หายไปโดยไม่ทราบตัวคนร้าย จำเลยกับพวกเป็นผู้ที่ช่วยเหลือผู้เสียหายในการสืบหาตัวคนร้ายและร่วมมือในการวางแผนจับกุมคนร้ายได้ นอกจากนี้ผู้เสียหายยังโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยและผู้เสียหายออกหนังสือรับรองการผ่านงานระบุว่าจำเลยเป็นลูกจ้างที่ดีที่ทำงานหนักเสมอมาจนถึงเวลาที่ได้ลาออกจากบริษัทด้วยเหตุผลส่วนตัว ดังนี้หากจำเลยเป็นผู้ร่วมกระทำผิดแล้ว ผู้เสียหายย่อมจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างที่เหลืออยู่และคงจะไม่ออกหนังสือรับรองการผ่านงานให้แก่จำเลย แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการกระทำในลักษณะที่ร่วมกับคนร้ายเพื่อลักทรัพย์ แต่จำเลยมิได้มีเจตนาร้ายหรือประสงค์ต่อผลที่จะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยโดยไม่มีเหตุผล จำเลยกระทำไปเพื่อช่วยเหลือในการวางแผนจับกุมคนร้ายที่ลักทรัพย์ของผู้เสียหายและจำเลยไม่ได้รับประโยชน์ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7)(11), 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335(1)(7)(11) วรรคสาม จำคุก 3 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม2537 เวลากลางคืน ได้มีคนร้ายเข้ามาลักเอาตัววงจรไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพอยู่ในถุงสีดำซึ่งจำเลยนำไปวางไว้ที่ด้านหลังโรงงานของผู้เสียหาย

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้ร่วมกระทำผิดหรือไม่โจทก์มีนายรัฐพันธ์ พันธชาติ ผู้จัดการบริหารทั่วไป และนายธวัฒชัย พานิชพึ่งรัถผู้จัดการฝ่ายผลิต พยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2537 เวลา8 นาฬิกา นายรัฐพันธ์ได้รับแจ้งจากนายอนงค์ เพิ่มเกษม พนักงานรักษาความปลอดภัยว่า เมื่อเวลาประมาณ 0.40 นาฬิกา ได้จับกุมคนร้ายซึ่งลักตัววงจรไฟฟ้า1 คน คือนายวิวัฒน์ มลิวัลย์ และนางกรองแก้วผู้ช่วยผู้จัดการได้โทรศัพท์บอกนายรัฐพันธ์ว่าจำเลยกับพวกร่วมกระทำความผิดด้วย นายรัฐพันธ์กับนายธวัฒชัยจึงมาพบจำเลยกับพวกแต่จำเลยกับพวกมีความหวาดกลัวเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย นายรัฐพันธ์จึงพาจำเลยกับพวกไปพักที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จำเลยกับพวกรับกับนายรัฐพันธ์และนายธวัฒชัยว่าเป็นผู้นำตัววงจรไฟฟ้าใส่ถุงสีดำไปไว้ที่หลังโรงงานและติดต่อให้บุคคลภายนอกมารับของ โดยจำเลยกับพวกถูกข่มขู่ว่าหากไม่นำตัววงจรไฟฟ้าออกไปจะถูกทำร้าย และก่อนเกิดเหตุคดีนี้ผู้เสียหายถูกคนร้ายลักตัววงจรไฟฟ้าไปจำนวนหนึ่ง นายธวัฒชัยจึงมอบหมายให้จำเลยกับพวกสืบหาตัวคนร้าย โดยทำทีว่าไปติดต่อเพื่อร่วมมือในการลักทรัพย์ จนจำเลยกับพวกทราบชื่อคนร้ายว่าชื่อนายนพพร อ่อนสมศรี จึงได้รายงานให้นายรัฐพันธ์ และนายธวัฒชัยทราบ เห็นว่า นายรัฐพันธ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้จัดการบริหารทั่วไป และเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายให้แจ้งความในความผิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2537 ตามใบมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3 ได้ทราบเรื่องตั้งแต่แรกว่า จำเลยกับพวกเป็นผู้นำวงจรไฟฟ้าไปวางไว้ด้านหลังโรงงานและโทรศัพท์เรียกคนร้ายมาเอาทรัพย์ดังกล่าว แต่นายรัฐพันธ์ก็มิได้นำตัวจำเลยกับพวกไปมอบให้พนักงานสอบสวน กลับนำตัวจำเลยกับพวกไปพักที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์และนายรัฐพันธ์ได้เบิกความตอบคำถามของทนายจำเลยว่า ในวันรุ่งขึ้นได้พาจำเลยกับพวกไปรับประทานอาหาร กับมอบเงินส่วนตัวให้จำเลยกับพวกคนละ 1,000 บาท และบอกว่าจะไปไหนก็ไป ถ้ามีอะไรให้ช่วยนายรัฐพันธ์ก็จะช่วย หลังจากนั้นนายรัฐพันธ์ได้ส่งเงินค่าจ้างที่เหลือและเงินพิเศษที่นายรัฐพันธ์ขอนายจ้างให้แก่จำเลยกับพวกคนละ 30,000บาทเศษ นอกจากนี้นายรัฐพันธ์ได้ดำเนินการให้นายจ้างออกใบรับรองการผ่านงานให้จำเลยอีกด้วย จากพฤติการณ์ของนายรัฐพันธ์ที่ปฏิบัติต่อจำเลยหลังเกิดเหตุคดีนี้ เมื่อนำมาพิจารณาประกอบกับคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวน และคำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาได้ความว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้ ตัววงจรไฟฟ้าของบริษัทได้หายไปโดยไม่ทราบตัวคนร้ายนายรัฐพันธ์และนายธวัฒชัยได้เรียกจำเลยกับพวกไปพบเพื่อให้ช่วยสืบหาตัวคนร้าย โดยก่อนที่จำเลยกับพวกจะรับทำงานนี้ ทางผู้เสียหายได้ประกันชีวิตให้แก่จำเลยกับพวกไว้ จำเลยกับพวกสืบทราบว่าคนร้ายคือ นายนพพรจึงรายงานให้นายรัฐพันธ์ทราบแล้ว และจำเลยนำสืบต่อไปว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ คนร้ายได้ติดต่อให้จำเลยนำตัววงจรไฟฟ้าออกไปให้โดยขู่ว่าหากไม่นำออกมาจะฆ่าจำเลย จำเลยได้แจ้งให้นายรัฐพันธ์และนายธวัฒชัยทราบโดยนายรัฐพันธ์และนายธวัฒชัยได้วางแผนให้จำเลยกับพวกนำตัววงจรไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพไปวางไว้เพื่อจะได้จับกุมคนร้าย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยกับพวกเป็นผู้ที่ช่วยเหลือผู้เสียหายในการสืบหาตัวคนร้ายและร่วมมือในการวางแผนเพื่อจับกุมคนร้ายได้ในวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ผู้เสียหายยังโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยจำนวน 36,227.25 บาท กับออกหนังสือรับรองการผ่านงานระบุว่า จำเลยเป็นลูกจ้างที่ดีที่ทำงานหนักเสมอมาจนถึงเวลาที่ได้ลาออกจากบริษัทด้วยเหตุผลส่วนตัว หากจำเลยเป็นผู้ร่วมกระทำผิดแล้ว ผู้เสียหายย่อมจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างที่เหลืออยู่และคงจะไม่ออกหนังสือรับรองการผ่านงานให้แก่จำเลย แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการกระทำในลักษณะที่ร่วมกับคนร้ายเพื่อลักทรัพย์ แต่จำเลยมิได้มีเจตนาร้ายหรือประสงค์ต่อผลที่จะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยโดยไม่มีเหตุผล จำเลยกระทำไปเพื่อช่วยเหลือในการวางแผนจับกุมคนร้ายที่ลักทรัพย์ของผู้เสียหายและจำเลยไม่ได้รับประโยชน์แต่อย่างใดถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share