คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายสุพีจำเลยทำอนาจารบุตรผู้เสียหาย ที่สุดจำเลยกับพวกได้ไปสู่ขอหญิงตามประเพณี เมื่อไม่ตกลงค่าสินสอดกัน จำเลยคนหนึ่งกล่าวว่าไม่ตกลงก็กลับ ฝ่ายหญิงว่านายสุเทพกลับได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ก่อน นายสุเทพว่าอยากได้คนหรือเงินก็ไปฟ้องเอา ฝ่ายหญิงบอกให้ผู้ตายไปคุมตัวนายสุพีไว้พอผู้ตายลุกขึ้น นายสุเทพพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรไม่ได้กล่าว อาจหมายเพียงให้ขัดขวางมิให้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้น ส่วนนายคลังจำเลยอีกคนตวักปืนออกมาขู่ให้นั่งที่สุดยิงไป 1 นัด หันปากกระบอกไปทางไม่มีคน แสดงว่าไม่เจตนายิงใคร ดังนี้แม้พวกจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปจะได้แทงผู้ตายตาย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกที่หลบหนีไปฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยทั้งสองไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องสำนวนหนึ่งว่านายสุเทพนายคลังจำเลยกับพวกที่ยังจังไม่ได้ สมคบกันมีปืน ฯลฯ ทำร้ายนายสงตายโดยเจตนา นายสุเทพจำเลยที่ ๑ เคยต้องคำพิพากษาให้รอการลงโทษไว้ ขอให้พิพากษารวมโทษที่รอไว้ด้วย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๒๔๙,๖๓,๔๑,๔๓ ฯลฯ
อีกสำนวนหนึ่ง โจทก์ฟ้องว่านายคลังจำเลยมีปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ
นางงอขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในเรื่องแรก
จำเลยทั้งสองปฎิเสธ นายสุเทพรับว่าศาลได้พิพากษารอการลงโทษไว้จริง ระหว่างพิจารณานายคลังจำเลยกลับรับสารภาพว่าได้มีปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๔๙,๖๓ ให้จำคุกคนละ ๑๖ ปี ให้บวกโทษของนายสุเทพจำเลยอีก ๒ เดือนที่ศาลได้รอไว้ตามสำนวนคดีแดงที่ ๓๒๐/๒๔๙๖ รวมเป็นจำคุกนายสุเทพ ๑๖ ปี ๒ เดือน นายคลังจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ ม.๗,๘,๗๒ อีกกะทงหนึ่งให้ปรับ ๑๒๐ บาท เฉพาะความผิดฐานนี้ปราณีลดโทษตาม ม.๕๙ คงปรับ ๘๐ บาท ฯลฯ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานฆ่าคนตายตามสำนวนคดีดำที่ ๕๔๘/๒๔๙๖ ของศาลชั้นต้น นอกนั้นคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกับพวกได้มาสู่ขอหญิงตามประเพณี แม้จะปรากฎว่าฝ่ายจำเลยบางคนมีมีดและปืนติดตัวมาด้วยก็ดี ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าสมคบกันมากระทำผิด จะสันนิษฐานว่าได้สมคบกันในขณะกระทำผิดก็ยังไม่ถนัดอีก กล่าวคือปรากฎเพียงว่าเมื่อไม่ตกลงกันเรื่องค่าสินสอดแล้ว นายสุเทพจำเลยได้กล่าวว่าเมื่อไม่ตกลงก็ต้องกลับ แสดงว่าจำเลยไม่ตั้งใจมากระทำผิด ฝ่ายหญิงว่าพวกนายสุเทพกลับไปได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ นายสุเทพจำเลยยังว่าอยากได้คนหรืออยากได้เงินก็ให้ไปฟ้องเอา ไม่แสดงท่าทีว่าจะร่วมในการกระทำผิดแต่อย่างใด ต่อเมื่อฝ่ายหญิงบอกให้นายสงไปคุมตัวนายสุพีไว้ นายสงลุกขึ้นจะเดินไปทางนายสุพี นายสุเทพจำเลยจึงพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรอย่างใดไม่ได้กล่าว อาจเป็นเพียงขัดขวางไม่ได้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้น ส่วนนายคลังจำเลยที่ ๒ ควักปืนออกมาขู่ว่าหยุด ๆ นั่งใครจะไปไหนไม่ได้ ก็เป็นทำนองขู่เพื่อไม่ให้จับกุมตัวนายสุพี ในที่สุดได้ยิงขู่ไปหนึ่งนัด หันปากกระบอกไปทางที่ไม่มีคน เป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำแก่ใคร เป็นแต่กระทำการขู่เท่านั้น ในที่สุดจำเลยทั้งสองก็ยอมให้จับโดยดี มิได้มีการขัดขวางอย่างใดอีก และพูดว่าไม่ได้ทำผิด จับทำไม ทำไมไม่จับนายไปล่ เห็นว่าคดียังไม่พอฟังว่าจำเลยได้สมคบกับนายไปล่ในการกระทำผิด
พิพากษายืน

Share