แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากจำเลยเกี่ยวกับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกผู้จะต้องเสียหาย เพราะคำสั่งอายัดนั้น จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำร้อง สำเนาให้โจทก์และจำเลย นัดไต่สวนและมีการไต่สวนพยานผู้ร้อง โจทก์ได้รับสำเนาแล้วไม่คัดค้านว่าการไต่สวนไม่ชอบอย่างไร อีกทั้งทนายโจทก์ก็ซักค้านพยานผู้ร้องด้วย ย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องโดยนำมาตรา 312 มาใช้บังคับอนุโลมแล้วตาม มาตรา 261 วรรคหนึ่ง การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องจึงชอบด้วยกฎหมายฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้เพิกถอนคำสั่งอายัดเงินตามคำร้องของผู้ร้องจึงชอบแล้ว มีผลเท่ากับไม่มีการอายัดเงิน จึงต้องคืนเงินที่อายัดให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ต้องคำสั่งอายัด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างโครงการขยายลานจอดรถยนต์ และปรับปรุงระบบไฟฟ้าแรงสูงและสายสื่อสาร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต จำนวนเงิน17,204,794.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และในวันยื่นฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน โดยขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในงวดงานที่ 3 และที่ 4 จำนวน17,253,879.23 บาท ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งอายัดเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยมีสิทธิได้รับจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยตามจำนวนเงินดังกล่าวมาไว้ที่ศาลชั้นต้นเป็นการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้โจทก์วางเงินประกัน 100,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัด
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องเงินค่าก่อสร้างที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องและจำเลยได้ทำหนังสือบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องและได้รับความยินยอมจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยแล้ว ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งอายัดเงินดังกล่าว
ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานผู้ร้องแล้วเห็นว่า จำเลยโอนสิทธิเรียกร้องจำนวนเงินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดชั่วคราวจริงจึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดเดิม ให้คืนเงินจำนวน16,466,804.02 บาทให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และคืนเงินประกัน 100,000 บาท แก่โจทก์ด้วย
โจทก์ยื่นคำร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้คืนเงินแก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หากจำเลยรับเงินดังกล่าวไปย่อมทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลชั้นต้นงดคืนเงินให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งยื่นอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ระงับการส่งเงินคืนการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลอุทธรณ์ภาค 8 จะมีคำสั่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านและต่อมายื่นคำร้องขอรับเงินดังกล่าวจากศาลชั้นต้นไปเก็บรักษาไว้เองจนกว่าศาลจะมีคำสั่งให้คืนแก่ศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคืนเงินให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวโดยให้รอคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของโจทก์แล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาลงวันที่ 28 ธันวาคม 2543รวม 3 ฉบับ
ฉบับแรกศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
ฉบับที่สองศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ 2 ประการคือ ประการแรกไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์เรื่องที่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดให้โจทก์สืบพยาน ประการที่สองวินิจฉัยว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตตามคำร้องของผู้ร้องที่ขอเพิกถอนการอายัดเงินดังกล่าวไว้ก่อนพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 วรรคหนึ่ง นั้นชอบแล้วพิพากษายืน
ฉบับที่สามศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนเงินจำนวน 16,466,804.02 บาท (ที่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยส่งให้แก่ศาลชั้นต้น) แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
โจทก์ฎีการวม 2 ฉบับ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นควรรวมวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ทั้งสองฉบับเข้าด้วยกัน คดีได้ความว่า เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2540 จำเลยทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้างจำนวน 30,500,000 บาท ที่จำเลยจะได้รับจากการรับจ้างก่อสร้างลานจอดรถยนต์ปรับปรุงระบบไฟฟ้าแรงสูงและสายสื่อสารที่ท่าอากาศยานภูเก็ตตามสัญญาเลขที่183/2540 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2540 ให้ผู้ร้อง ทั้งจำเลยบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องต่อการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยและได้รับความยินยอมจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในงวดงานที่ 3 และที่ 4จำนวน 13,253,879.23 บาท ตามที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและเมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดเดิม
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่าผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนหมายอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 ได้หรือไม่โดยโจทก์ฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 วรรคหนึ่ง กำหนดให้นำบทบัญญัติมาตรา 288 หรือมาตรา 312 แล้วแต่กรณี มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งผู้ร้องต้องเข้ามาในคดีในฐานะเสมือนเป็นโจทก์ผู้อ้างสิทธิในเงินที่ศาลมีคำสั่งอายัด ผู้ร้องต้องวางเงินค่าขึ้นศาล กำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบเช่นคดีทั่วไปฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องไต่สวนพยานผู้ร้องโดยไม่ได้ให้โจทก์นำพยานเข้าสืบหักล้าง ดังนั้นการเข้ามาในคดีของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “จำเลยหรือบุคคลภายนอกซึ่งได้รับหมายยึดหมายอายัด หรือคำสั่ง… หรือจะต้องเสียหาย เพราะหมายยึดหมายอายัดหรือคำสั่งดังกล่าวอาจมีคำขอต่อศาลให้ถอนหมาย เพิกถอนคำสั่ง…ให้นำมาตรา 288 หรือมาตรา 312 แล้วแต่กรณี มาใช้บังคับโดยอนุโลม” ฉะนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากจำเลยเกี่ยวกับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยโดยชอบก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอายัดเงินดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกผู้จะต้องเสียหายเพราะคำสั่งอายัดนั้นผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว และเป็นกรณีโต้แย้งระหว่างโจทก์กับผู้ร้องในปัญหาที่ว่าจะอายัดเงินดังกล่าวได้หรือไม่ เพียงใด เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ หาใช่เป็นคดีมีทุนทรัพย์ดังที่โจทก์ฎีกาไม่ นอกจากนี้ตามคำร้องขอให้ยกเลิกคำสั่งอายัดชั่วคราวของผู้ร้องลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2543 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับคำร้องสำเนาให้โจทก์และจำเลย นัดไต่สวนและมีการไต่สวนพยานผู้ร้อง โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องของผู้ร้องแล้วไม่คัดค้านว่าการไต่สวนไม่ชอบอย่างไร อีกทั้งทนายความโจทก์ก็ซักค้านพยานผู้ร้องด้วย ย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องโดยนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 312 มาใช้บังคับอนุโลมแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 261 วรรคหนึ่ง จึงเห็นว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้เพิกถอนคำสั่งอายัดเงินตามคำร้องของผู้ร้องจึงชอบแล้ว มีผลเท่ากับไม่มีการอายัดเงิน ศาลชั้นต้นจึงต้องคืนเงินที่อายัดให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ต้องคำสั่งอายัด ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามาชอบแล้วทั้งสองฉบับ ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฉบับฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาโจทก์ในประเด็นอื่นไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย”
พิพากษายืน