แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก.ภริยาของโจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลยที่ 3 แล้วไม่ชำระจำเลยที่ 3 ได้ฟ้องคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของ ก.เพื่อบังคับคดี ในที่ดินดังกล่าวมีต้นยูคาลิปตัส ของโจทก์ร่วมปลูกอยู่ และ ก. เคยตกลงเอาต้นกล้ายูคาลิปตัส ตีใช้หนี้จำเลยที่ 3พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยทั้งสามเข้าใจว่าต้นยูคาลิปตัสในที่ดินเป็นของ ก. การที่จำเลยทั้งสามตัดเอาต้นยูคาลิปตัสของโจทก์ร่วมไป แสดงว่ามีเจตนาเพื่อใช้หนี้จำเลยที่ 3 ไม่มีเจตนาทุจริต จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 336 ทวิ, 83 ริบรถยนต์ของกลาง คืนไม้ยูคาลิปตัสของกลางให้เจ้าของ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายโอภาส เผ่าชูศักดิ์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในสำนวนแรก ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) (12) วรรคสาม, 336 ทวิ, 83จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี 6 เดือน คืนไม้ยูคาลิปตัส ของกลางแก่เจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันตัดเอาต้นยูคาลิปตัส ของโจทก์ร่วมซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของนางกฤษณาบุญเลิศ ไป แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ได้ความจากคำของพยานโจทก์ว่า นางกฤษณาเป็นหนี้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่โจทก์ร่วมเช่าจากนางกฤษณาเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ และนางกฤษณาเคยตกลงเอาต้นกล้าไม้ยูคาลิปตัส ตีใช้หนี้จำเลยที่ 3 ปรากฏรายละเอียดตามรายงานกระบวนพิจารณา เอกสารหมาย ล.1 แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาตัดต้นยูคาลิปตัส เพื่อใช้หนี้จำเลยที่ 3 และเนื่องจากโจทก์ร่วมกับนางกฤษณาเป็นสามีภรรยามีบุตรด้วยกัน ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจว่าต้นยูคาลิปตัส เป็นของนางกฤษณา จำเลยทั้งสามร่วมกันเอาต้นยูคาลิปตัส ของโจทก์ร่วมไปโดยไม่มีเจตนาทุจริตจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง
พิพากษายืน