คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพา อาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางนำสืบโจทก์ไม่มี อาวุธปืนที่ฟ้องเป็นของกลางแสดงต่อศาลว่าเป็นอาวุธปืนที่จำเลย ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ทั้งไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืน ติดตัว ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวจำเลยมีไว้ใน ครอบครองและพาติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2533 เวลากลางวัน จำเลยมีอาวุธปืนแก๊ปยาวชนิดประกอบขึ้นเองซึ่งใช้ยิงได้ 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่และพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปตามทางสาธารณะในหมู่บ้านโดยเปิดเผย ไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่ใช่กรณีต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ แล้วใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายหนูพวนหรือขอด เผือนอก ผู้เสียหาย 1 นัด โดยเจตนาฆ่าแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากดินปืนที่บรรจุอยู่ในอาวุธปืนไม่ระเบิด จึงไม่ทำให้ลูกกระสุนปืนระเบิดออกไปถูกผู้เสียหายผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายเหตุเกิดที่ตำบลโนนดินแดง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371, 288, 80, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 ทวิวรรคหนึ่งและวรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2519) ข้อ 3, 6, 7เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81 จำคุก 2 ปี ฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีได้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72วรรคสาม จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยเปิดเผยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง เป็นกรรมเดียวกับฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมลงโทษจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านปรับ 100 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 และให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 72 ทวิ วรรคสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหาย ซึ่งมีความหมายต่อไปว่าจำเลยได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมืองหรือหมู่บ้านด้วย คดีมีประเด็นมาสู่ศาลฎีกาว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนของผู้อื่นไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ คดีนี้โจทก์ไม่มีอาวุธปืนที่ฟ้องเป็นของกลางแสดงต่อศาลว่าไม่เป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัว ดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวจำเลยมีไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยจึงมิได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฎีกาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ลงโทษจำเลยสำหรับความผิดฐานนี้ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share